WTI ปิดบวก 48 เซนต์ รับแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 48 เซนต์ ที่ระดับ 82.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รับแรงหนุนแนวโน้มปริมาณน้ำมันตลาดโลกตึงตัว เนื่องจากนักลงทุนวิตกราคาน้ำมันอาจพุ่งถึงระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ (6 ต.ค.66) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มปริมาณน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก แต่ราคาน้ำมันยังคงลดลงอย่างมากในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ราคาน้ำมันที่อาจพุ่งถึงระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นั้นกำลังส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 82.79 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 8.8% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 84.58 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 8.3% ในรอบสัปดาห์นี้
โดยตลาดน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าปริมาณน้ำมันอาจจะตึงตัว หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวและมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งหากกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันปรับลดปริมาณการผลิต
สำหรับในช่วงฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วง ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะปริมาณน้ำมันตึงตัว โดยซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้ตัดสินใจปรับลดการผลิตน้ำมัน โดยซาอุดีอาระเบียจะยังคงปรับลดการผลิตไปจนถึงสิ้นปี และรัสเซียปรับลดการส่งออกน้ำมันลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันก็ยังคงถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยในวันศุกร์ (6 ต.ค.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง ซึ่งตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวนับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ส่วนอัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 3.8% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลงสู่ระดับ 3.7%
สำหรับตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.3% และเมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ