ก.ล.ต. เปิดเฮียริ่ง ปรับเกณฑ์โฆษณาผู้ประกอบ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ลดภาระค่าใช้จ่าย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์ด้านการโฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ผู้ประกอบธุรกิจ) และร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดภาระของผู้ประกอบธุรกิจในการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาเป็นรายชิ้นต่อ ก.ล.ต. และเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน

โดยตามที่ ก.ล.ต. ได้รับความเห็นจากผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกระบวนการแจ้งต่อ ก.ล.ต. ล่วงหน้าก่อนการเผยแพร่โฆษณาเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งเป็นภาระกับผู้ประกอบธุรกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระและเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานของผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งยกระดับบทบาทของคณะกรรมการและหน่วยงานกำกับดูแลการปฏิบัติงาน (หน่วยงานcompliance) ของผู้ประกอบธุรกิจ ในการจัดทำและเผยแพร่โฆษณานั้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการประชุมครั้งที่ 12/2566 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงหลักเกณฑ์ด้านการโฆษณาเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อการปรับปรุงหลักเกณฑ์ด้านการโฆษณาและร่างประกาศที่เกี่ยวข้องจากภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1) ยกเลิกหลักเกณฑ์การแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการโฆษณาและค่าใช้จ่ายในการโฆษณาต่อสำนักงานเป็นรายชิ้น (ข้อ 34/5 ของประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ. 19/2561-

เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ลงวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

2) กำหนดให้บริษัทต้องเสนอผู้บริหารระดับสูง พิจารณาว่าการโฆษณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านโฆษณารวมทั้งหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องก่อนจะดำเนินการโฆษณา และให้ หน่วยงาน compliance ติดตามและตรวจสอบ  การโฆษณาโดยต้องจัดทำรายงานการกำกับดูแลการโฆษณาเป็นรายเดือน เสนอต่อคณะกรรมการของผู้ประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจต้องรวบรวมและจัดส่งรายงานที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของผู้ประกอบธุรกิจให้ ก.ล.ต. เป็นรายไตรมาส

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นหลักการและร่างประกาศในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=946 และระบบกลางทางกฎหมาย https://law.go.th/ ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail: [email protected] จนถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566