สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 ต.ค.2566

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 ต.ค.2566


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (10 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างระมัดระวัง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,739.30 จุด เพิ่มขึ้น 134.65 จุด หรือ +0.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.24 จุด เพิ่มขึ้น 22.58 จุด หรือ +0.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,562.84 จุด เพิ่มขึ้น 78.60 จุด หรือ +0.58%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นอย่างมากในวันอังคาร (10 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และของธนาคารกลางยุโรป (ECB) แสดงความเห็นสนับสนุนการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์จากความวิตกเกี่ยวกับเหตุการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 452.48 จุด เพิ่มขึ้น 8.69 จุด หรือ +1.96%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,162.43 จุด พุ่งขึ้น 141.03 จุด หรือ +2.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,423.52 จุด เพิ่มขึ้น 295.41 จุด หรือ +1.95% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,628.21 จุด เพิ่มขึ้น 136.00 จุด หรือ +1.82%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (10 ต.ค.) โดยปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นสนับสนุนการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเพิ่มความหวังว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเช่นกัน

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,628.21 จุด เพิ่มขึ้น 136.00 จุด หรือ +1.82%

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร (10 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 1,875.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.90 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 21.953 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 890.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 39.50 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 1171.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (10 ต.ค.) หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานอุปสงค์และอุปทานน้ำมันจากหลายหน่วยงานในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงสำนักงานพลังงานสากล (IEA) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 85.97 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.57% ปิดที่ 87.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (10 ต.ค.) หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายสนับสนุนการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลง

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.24% แตะที่ระดับ 105.8270

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9049 ฟรังก์ จากระดับ 0.9054 ฟรังก์ในวันจันทร์ (9 ต.ค.) และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.8696 โครนา จากระดับ 10.9607 โครนา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 148.7260 เยน จากระดับ 148.4380 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3588 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3586 ดอลลาร์แคนาดา

ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.0598 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0566 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2280 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2236 ดอลลาร์

Back to top button