TOP โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 70 บ. ลุ้นกำไร Q3 หมื่นล้าน รับค่าการกลั่นพุ่ง

TOP โบรกชี้กำไรไตรมาส 3/66 แตะ 1 หมื่นล้านบาท รับค่าการกลั่นพุ่ง รวมถึงกำไรจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นราว 7 พันล้านบาท โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 70 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CLSA ระบุกรณีเกี่ยวกับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ว่า ผลการดำเนินงานโดดเด่นกว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่มพลังงาน แม้จะขาดทุนจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยน จากปัจจัยราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้ได้รับส่วนต่างราคาน้ำมันลดลง อย่างไรก็ตาม TOP ยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

โดย TOP ได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากส่วนต่างราคาน้ำมันถึง 25-30% ของผลผลิตทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งมีส่วนต่างเพิ่มขึ้นเป็น 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน แต่ได้ป้องกันความเสี่ยงของส่วนต่างดังกล่าวไว้แค่ในช่วง 20-25 ดอลลาร์เท่านั้น ส่งผลให้ CLSA ประเมินว่า TOP จะขาดทุนจากความเสี่ยงดังกล่าว 3.9 พันล้านบาท ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินบาทไทย ทำให้ TOP ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 600 ล้านบาทในไตรมาส 3/66

อีกทั้ง TOP จะมีค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลงเนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันที่ลดลงและราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น โดย CLSA ประเมินค่าการกลั่นของ TOP ว่าจะลดลงเหลือ 7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในเดือนตุลาคมจากเดิมที่ 13 ดอลลาร์ ในไตรมาส 3/66

ขณะที่ปัจจัยสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น 4 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในสัปดาห์นี้ ทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลอ่อนตัวลงเหลือ 22 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากเดิมที่ 26.9 ในไตรมาส 3/66 ส่วนน้ำมันเครื่องบินอ่อนตัวลง 22 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากเดิมที่ 26.0 ในไตรมาส 3/66 และน้ำมันเบนซินอ่อนตัวลง 9.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากเดิมที่ 18.9 ในไตรมาส 3/66

อีกทั้ง ค่าพรีเมี่ยมน้ำมันดิบ Murban ได้เพิ่มขึ้นเป็น 4.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในสัปดาห์นี้ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 1.8 ในไตรมาส 3/66 สะท้อนถึงความกังวลการหยุดชะงักของอุปทาน หากพบว่าอิหร่านสนับสนุนกลุ่มฮามาสในสงคราม โดยผลผลิตน้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายน จาก 2.5 ล้านบาเรลต่อวันในเดือนมกราคม

นอกจากนี้ CLSA คาดการณ์ว่า TOP จะบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วในไตรมาส 3/66 ไว้ที่ประมาณ 100-150 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจาก TOP สามารถเพิ่มการบรรทุกในทุ่นจอดเรือเดี่ยว (SBM1)  ได้สูงสุดถึง 1.5 ล้านบาเรลต่อลำ เมื่อเทียบกับประมาณการณ์ก่อนหน้าที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อลำ ซึ่งคาดว่าจะต้องเสียค่าขนส่งเพิ่มเติมอีกแค่ 0.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล นับว่าน้อยกว่าก่อนหน้านี้ที่ประมาณไว้ที่ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล

สำหรับข้อมูลข้างต้นทั้งหมด CLSA ได้คำนวณประมาณการณ์กำไรสุทธิที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้น 4.5 บาท ในไตรมาส 3/66 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 8 เท่าตัวจากไตรมาสที่แล้ว จากแรงหนุนของค่าการกลั่นที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 13 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับ 4.5 ในไตรมาส 2/66 โดยอัตราการดำเนินการที่สูง 110% เทียบกับ 113% ในไตรมาส 2/66 และกำไรจากสต็อกน้ำมัน 7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือราว 7 พันล้านบาท

ทั้งนี้ CLSA ยังคงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 70.00 บาท โดยตรึงอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าบัญชีของปี 67 ไว้ที่ 0.9 เท่า ส่วนกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 68 จากการคาดว่าโครงการเชื้อเพลิงสะอาด (CFP) จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/68 ขณะที่การทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ไตรมาส 4/66 และส่วนน้อยในปี 67

Back to top button