WHA โชว์ยอดจองซื้อ “หุ้นกู้” 1 พันล้าน ล้นเป้า 3 เท่าตัว ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน
WHA เปิดขายหุ้นกู้จำนวน 2 ชุด มูลค่า 1 พันล้านบาท เสนอขาย “สถาบัน-รายใหญ่” เมื่อวันที่ 10-11 ต.ค.66 นักลงทุนจองล้นเกินเป้ากว่า 3 เท่า แย้มแผนเข้ากอง WHART ในไตรมาส 4/66 นี้
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยมด้วยยอดจองล้นเกินเป้ากว่า 3 เท่า สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน ครั้งที่ 2/66 ของบริษัทฯ มูลค่ารวม 1 พันล้านบาท หลังจากที่เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 10-11 ต.ค.66 ผ่าน ธนาคารยูโอบี ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
โดยการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวได้แบ่งเป็น 2 ชุด โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 จำนวน 650 ล้านบาท มีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.69 ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 69 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 จำนวน 350 ล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.08 ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 71
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืนสำหรับหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด ได้แก่ การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประเภทที่ 1 และ ประเภทที่ 2 และการเพิ่มการผลิตน้ำ Reclamation Water ซึ่งเป็นการลดการพึ่งพาการใช้น้ำดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติ สอดคล้องกับพันธกิจ “WHA: WE SHAPE THE FUTURE” ที่มุ่งมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อประเทศโดยรวม สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินไปชำระคืนหนี้เดิม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ
นางสาวจรีพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 สะท้อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ โลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภค-พลังงาน และดิจิทัล จึงทำให้ในเดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการดำเนินงาน และประกาศพันธกิจใหม่ WHA: WE SHAPE THE FUTURE ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งมั่นในการใช้ศักยภาพจากระบบ ECO System ที่ครบวงจรและแข็งแกร่งของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างคุณค่าและการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับองค์กร ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
รวมถึงการต่อยอดพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาส เสริมจุดแข็งทางการแข่งขันและผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น The World’s Best Investment Destination สำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก เพื่อเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ มุ่งขยายการเติบโตให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในประเทศเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า, อีคอมเมอร์ซ และอุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างพันธมิตรในระยะยาวเพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลและแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนเข้ามาใช้ทั้งระบบ
อีกทั้ง ยังรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับ Green Logistics ที่เน้นแนวคิดในการบริหารจัดการกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ในทุกมิติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการลดต้นทุนโลจิสติกส์ในระยะยาว รวมถึงการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน
สำหรับ Office Solutions บริษัทฯ เดินหน้าขยายโครงการอาคารสำนักงานบนทำเลที่ดีเยี่ยม ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 5 โครงการ บนพื้นที่รวมมากกว่า 1.2 แสนตารางเมตร และเริ่มขยายสู่โครงการพาณิชยกรรมรูปแบบใหม่
ขณะที่ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยและขยายธุรกิจในเวียดนามให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และมุ่งเน้นการพัฒนา นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) และโครงการอุตสาหกรรมมูลค่าสูง
ด้าน ธุรกิจสาธารณูปโภค น้ำ ยังคงเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งยังมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ และโซลูชันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่มตลอดจนหาโอกาสการขยายตลาดสู่ลูกค้าภายนอกนิคม
ส่วน ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทย, ประเทศเวียดนาม และขยายสู่ตลาดใหม่ในประเทศอื่นๆ ควบคู่กับการนำนวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งการหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจเพื่อสร้าง New S-Curve อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS : Battery Energy Storage Systems) ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS)
อีกทั้ง ธุรกิจดิจิทัล เดินหน้าโครงการการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร ช่วยเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจของ WHA ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งสร้างพันธมิตรใหม่ๆ ในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี รวมถึงยังทำงานร่วมกับ 3 กลุ่มธุรกิจ ของดับบริษัทฯ ในการนำเทคโนโลยีมาสร้างผลิตภัณฑ์และบริการมูลค่าเพิ่ม พร้องทั้งยังมองหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติม อาทิเช่น ดิจิทัลเฮลธ์เทค ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชั่น WHAbit และทดลองนำร่องในการใช้ภายในกลุ่มบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) ภายในไตรมาส 4/66 ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้จากภาพรวมเศรษฐกิจซึ่งมีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้สำหรับสิ้นปี 66 ขณะเดียวกันก็เสริมศักยภาพในด้านต่างๆ ยกระดับการพัฒนาองค์กรเพื่อมุ่งสู่การเป็น Technology Company อย่างเต็มรูปแบบในปี 67 พร้อมเดินหน้าแคมเปญ WHA: WE SHAPE THE FUTURE เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับผู้คน สังคม และประเทศไทย สอดคล้องกับพันธกิจของ WHA “The Ultimate Solution for Sustainable Growth”