AWC เด้งแรง 7% แย้ม Q4 แจ่ม รับไฮซีซั่น ดันรายได้ปีนี้โตทะลุเป้า 10%

AWC เด้งแรง 7% คาดผลงานไตรมาส 4/66 แจ่ม ทำนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มา 4 ปี รับไฮซีซั่นธุรกิจโรงแรม จับตาดันรายได้ปีนี้โตทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 10%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ต.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ณ เวลา 15:45 น. อยู่ที่ระดับ 3.70 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 6.94% สูงสุดที่ระดับ 3.72 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 233.50ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บ AWC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 จะเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาส 3/2566 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจโรงแรม และเป็นช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญต่าง ๆ สะท้อนจากยอดจองห้องพัก (Booking) ของธุรกิจโรงแรมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอัตราการเข้าพัก (OCC) และรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ที่มีการเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 หรือมากกว่าปีก่อนเกิดโควิด-19 ถือเป็นการเติบโตสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มา 4 ปี และจะเติบโตสูงต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/2567

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 รายได้รวมจะได้เติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%  จากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 9,603.15 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกมีรายได้รวมแล้ว 6,795.25 ล้านบาท  ซึ่งจะมาจากธุรกิจโรงแรมที่โดดเด่นที่สุด ตามมาด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า และธุรกิจอาคารสำนักงานที่มีแนวโน้มที่ดี

ส่วนแนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2567 จะเติบโตมากกว่าปี 2566 เนื่องจากการท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวแรง สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลใหม่ เช่น การเพิ่มจำนวนไฟลท์บินที่หลายสายการบินต้องการใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ในการกระจายผู้โดยสาร การฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน และนโยบายกระตุ้นอื่น ๆ ซึ่ง AWC ได้รับผลบวกโดยตรง เพราะพอร์ตลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมีการกระจายตัวในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาที่มีสัดส่วนมากกว่า 14-15% จีน 11% และประเทศอื่น ๆ เป็นต้น ที่สำคัญนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยรอบนี้มีศักยภาพมากกว่าเดิม มีการใช้จ่ายทริป หรือจ่ายห้องพักแพงขึ้นกว่าปีก่อนเกิดโควิด-19 เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ล่าสุดมีความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism) ชวนนักท่องเที่ยวร่วมโครงการ “AWC Stay to Sustain” เพื่ออนุรักษ์ และฟื้นฟูต้นไม้ในป่าชุมชน และเพิ่มความหลากลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ พร้อมดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มการผลิตก๊าซออกซิเจนให้กับอากาศบนโลกใบนี้ ควบคู่การสร้างรายได้ในชุมชน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว

โดยโครงการดังกล่าว ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์กรอบการดำเนินงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 BETTERS ของ AWC ทั้ง

  1. BETTER PLANET ที่มีเป้าหมายภายในปี 2573 เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน, ลดการใช้ปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยรายได้ลง 20%, จัดการขยะของเสียด้วยวิธีฝังกลบเป็นศูนย์ และมุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิ
  2. BETTER PEOPLE โดยภายในปี 2573 มีเป้าหมาย 100% ของตำแหน่งที่สำคัญในองค์กรมีผู้สืบทอดที่มีความพร้อม, อัตราการสูญเสียชีวิตของพนักงานและผู้รับเหมาเป็นศูนย์ และทุกกลุ่มธุรกิจส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับผู้คนและสังคม ผ่านการจัดทำโครงการสำคัญด้วยอัตราผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI)≥15 และ
  3. BETTER PROSPERITY ที่มีเป้าหมายกว่า 5 รางวัล Golden Arrow จาก ACGS พร้อมเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำ สอดคล้องกับเป้าหมายของ ททท. ที่มุ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำการสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก ร่วมส่งต่อคุณค่ากับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ขณะที่ AWC ได้สืบสานนโยบายการท่องเที่ยวยั่งยืนของ ททท. ร่วมกับพันธมิตรแบรนด์โรงแรมที่บริหารโรงแรมทั้ง 22 แห่งของ AWC ทั่วประเทศ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดปัญหาภาวะโลกร้อน และร่วมสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืนให้ประเทศไทย จึงริเริ่มโครงการ “AWC Stay to Sustain” ระยะเวลาโครงการ 9 ปีในวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันครบรอบการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครบ 4 ปี ของ AWC เปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าพักโรงแรมในเครือได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูป่าชุมชนในประเทศไทย ซึ่งทุกการเข้าพัก 1 คืน ภายในโรงแรมเครือ AWC จะร่วมดูแลต้นไม้ 1 ต้น ด้วยงบลงทุนห้องละ 10 บาท หรือคิดเป็น 15-20 ล้านบาทต่อปี ภายใต้ 1.5-2 ล้านคืนห้องพักในเครือ (Room night) ซึ่งการลงทุนจะมาจากงบลงทุนปกติระยะยาว (ปี 2565-2569) ที่ได้วางงบลงทุนไว้ 100,000 ล้านบาท

สำหรับ “AWC Stay to Sustain” เป็นหนึ่งในโครงการตามกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ AWC (3BETTERs) ผ่านความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เพื่อร่วมฟื้นฟูดูแลผืนป่าในระยะยาว โดย AWC ตั้งเป้าสนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูต้นไม้ในแต่ละปีประมาณ 500,000 ต้น รวมกว่า 5,000 ไร่ ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 2,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเท่ากับการเข้าพัก 1 คืน ร่วมดูแลต้นไม้ 1 ต้น จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 5 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สอดรับกับเป้าหมายระยะยาวของ AWC ในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573

“AWC ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก สร้างสรรค์กิจกรรมภายใต้แนวคิด “AWC Be Better” เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวยั่งยืนให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนแก่โลกใบนี้ร่วมกัน พร้อมตั้งเป้าให้ทุกโรงแรม และศูนย์การค้าในเครือได้รับประกาศนียบัตร โครงการ STAR ดาวแห่งความยั่งยืนของ ททท. ตามเป้าหมาย STGs (Sustainable Tourism Goals) ของ ททท.อีกด้วย” นางวัลลภา กล่าว

ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ AWC ซึ่งมีพอร์ตโรงแรมที่หลากหลายทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองหลักทั่วประเทศที่ได้ริเริ่มโครงการเพื่อความยั่งยืนให้เป็นต้นแบบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ผ่านโครงการ “AWC Stay to Sustain” รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้นักท่องเที่ยวที่นอกจากจะได้รับความประทับใจจากการท่องเที่ยวประเทศไทยแล้ว ยังได้ร่วมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและสังคมให้ประเทศไทยอีกด้วย

โดย ททท. สนับสนุนผู้ประกอบการให้ก้าวสู่การท่องเที่ยวที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตามแผนพัฒนา BCG Model และยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการกำหนดมาตรวัดผลลัพธ์การดำเนินการที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานระดับสากล ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของ ททท. ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของภาคท่องเที่ยวไทย และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวยั่งยืนจากทั่วโลกที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน

ส่วนหม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้สืบสานพระราชปณิธาน “ปลูกป่า ปลูกคน” มาเป็นเวลาเกือบสี่ทศวรรษ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังกับ AWC ร่วมสืบสานเจตนารมณ์การฟื้นฟูระบบนิเวศและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จึงนำประสบการณ์มาขยายผลเพื่อร่วมส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนในป่า พร้อมร่วมแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมของไทยและโลกไปในคราวเดียวกัน ซึ่งการสร้างผืนป่าและอนุรักษ์ป่าไม้เป็นปัจจัยสำคัญในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระดับองค์กร และในระดับประเทศ รวมถึงการลดภาวะโลกร้อนและลดอัตราการเกิดไฟป่า โดยทางมูลนิธิฯ จะนำรายได้สนับสนุนจากโครงการ “AWC Stay to Sustain” ไปใช้ในการพัฒนาระบบประเมินคาร์บอนเครดิต และจัดตั้งกองทุนเพื่อชุมชนสองประเภท คือ กองทุนดูแลป่า และกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน ในขณะเดียวกันปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ

Back to top button