“ดาวโจนส์” ปิดลบ 287 จุด วิตกสงคราม “อิสราเอล-ฮามาส”
“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 287 จุด นักลงทุนวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย และความตึงเครียดของสงครามระหว่าง “อิสราเอล-ฮามาส” ขยายวงกว้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ (20 ต.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินร่วงลงรุนแรงที่สุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความขัดแย้งที่ขยายตัวระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,127.28 จุด ลดลง 286.89 จุด หรือ -0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,224.16 จุด ลดลง 53.84 จุด หรือ -1.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,983.81 จุด ลดลง 202.37 จุด หรือ -1.53% ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.6%, ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง 2.4% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.2%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลงจากแรงเทขาย โดยกลุ่มการเงินร่วงลง 1.6% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค KBW ร่วงลง 3.5% และราคาหุ้นธนาคารรีเจียนส์ ไฟแนนเชียล ดิ่งลง 12.4% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 หลังจากเปิดเผยผลกำไรต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ดัชนีความผันผวน (Cboe Volatility index) ซึ่งบ่งชี้ถึงความวิตกของนักลงทุนนั้น ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 2566
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงในวันศุกร์ หลังจากพุ่งทะลุระดับ 5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2550 หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หากเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งและตลาดแรงงานตึงตัว
โดยนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิดในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยอิสราเอลได้ทำการโจมตีฉนวนกาซาทางตอนเหนือเมื่อวันศุกร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดยบริษัท 86 แห่งในดัชนี S&P500 ได้รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว
หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ร่วง 5.4% แม้เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 ที่ดีกว่าคาดก็ตาม ขณะที่หุ้นโซลาร์เอดจ์ ร่วงลง 27.3% หลังเตือนเกี่ยวกับรายได้ที่ลดลงในไตรมาส 4