“คมนาคม” ตั้งทีมสางปม ”แอชตัน อโศก“ ขีดเส้น 30 วัน
“คมนาคม” ตั้งคณะทำงานสางปม “แอชตัน อโศก” ขีดเส้นตาย 30 วัน ต้องได้ข้อยุติในการหาแนวทางช่วยประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ต.ค. 66) นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบการอนุญาตใช้พื้นที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ภายหลังที่ได้รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและขอแนวทางการให้ความช่วยเหลือจากกลุ่มลูกบ้านที่อาศัยในอาคารชุด “แอชตัน อโศก” เกี่ยวกับความเดือดร้อนในการปฏิบัติงานผิดพลาดของ รฟม. โดยมีองค์ประกอบ 9 คน ได้แก่ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน และมีคณะทำงาน
ประกอบด้วย อธิบดีกรมขนส่งทางราง, ผู้ว่าการ รฟม., ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด, ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, ผู้แทน กทม., ผูัอำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม, ผู้อำนวยการกองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และ รองผู้ว่าการ รฟม. โดยมีอำนาจหน้าที่ศึกษาข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศและหลักเกณฑ์ต่างๆ พร้อมให้ข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา
รวมถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ตลอดจนมีอำนาจเชิญบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ เป็นต้น ทั้งนี้ มีระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลและแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนภายใน 2 สัปดาห์ และคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
“เราไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ได้ดูแค่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสาธารณะอย่างเดียว แต่กระทรวงคมนาคมมีความกังวลว่าเรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบต่ออรรถคดีต่างๆ ของหน่วยงานในกำกับที่จะตาม จึงจะเข้าไปตรวจสอบข้อกฎหมายอื่นๆ ด้วย จึงต้องนำปัญหาและแนวทางที่จะดำเนินการมาหารือกันในคณะทำงานที่ตั้งขึ้น ก่อนนำข้อสรุปที่ได้แจ้งให้ รมช.คมนาคมรับทราบ เพื่อให้ รฟม.ดำเนินการต่อไป จึงขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ได้เชื่อมั่นต่อแนวทางของภาครัฐ” นายสรพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อสอบถามว่า เหตุใดประชาชนจึงยังไม่ได้รับความเป็นธรรม นายสรพงศ์ กล่าวว่า ตนไม่อาจก้าวล่วงคำพิพากษาของศาลปกครอง แต่ที่ผ่านมามีข้อเท็จจริงว่า ใบอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของ รฟม. เป็นทางผ่าน แต่เรื่องนี้ถือเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้น จึงจะต้องนำไปสู่การตรวจสอบกรณีอื่นๆ ด้วยว่ามีลักษณะเช่นเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ ทางกระทรวงไม่ได้เอาปัญหาที่ผ่านมาเป็นตัวตั้ง แต่ได้นำความเดือดร้อนของประชาชนมาคิดว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสูงสุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า หลังจากรับเรื่องร้องเรียนแล้ว พิจารณาว่าแนวทางเบื้องต้นจะมีทางออกอย่างไรได้บ้าง รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เบื้องต้นได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลายคน ซึ่งก็ได้ให้คำแนะนำข้อกฎหมายต่างๆ ที่สอดคล้องกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ขออนุญาตยังไม่ลงรายละเอียด เพราะต้องศึกษาข้อกฎหมายอื่นๆ ประกอบกัน เช่น รัฐธรรมนูญ
นายสรพงศ์ กล่าวอีกว่า เมื่อถามว่า นอกจากการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนแล้ว จะพิจารณาในแง่ของนักลงทุนประกอบด้วยหรือไม่ เพราะเชื่อมโยงกับความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐ นายสรพงศ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นผลทางอ้อม เพราะขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะตื่นตัวทางเศรษฐกิจ เราต้องสร้างความเชื่อมั่น เพราะไม่อยากให้การอนุมัติใบอนุญาตของหน่วยงานรัฐไปกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน หรือตลาดทุน เราพยายามแก้ไขปัญหาภายใต้กรอบกฎหมาย ระเบียบ และมติครม.ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงความเชื่อมั่นในส่วนนี้กลับมาให้ได้ก่อน อย่างน้อยที่สุด ต้องทำให้เห็นว่าภาครัฐไม่ได้นิ่งเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน แต่ถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน