WINDOW เด้ง 13% ลุ้นรายได้ปีนี้ “นิวไฮ” รุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ

WINDOW ดีดกลับ 13% ลั่นผลงานปีนี้นิวไฮ และมีโอกาสเห็นรายได้เติบโตไม่ต่ำสองหลักต่อปี เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมบุกตลาดต่างประเทศอีกครั้ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 ต.ค.66) บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ WINDOW ณ เวลา 10:47 น. อยู่ที่ระดับ 1.43 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 12.60% สูงสุดที่ระดับ 1.43 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 266.74 ล้านบาท

นายธนินทร์ รัตนศิริวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WINDOW เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นการเติบโตตามภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับประชากรที่มีการเติบโตขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งของ WINDOW ล้วนเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การที่ WINDOW เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างรายเดียวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเกิดความเชื่อมั่นสำหรับผู้บริโภคที่จะซื้อไปใช้ อีกทั้งยังจะสร้างความเป็นแบรนด์ที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกให้กับผู้บริโภคได้ ทำให้นักลงทุนให้ความไว้วางใจ จึงได้รับการตอบรับที่ดี

บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดย WINDOW วางเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างอย่างครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ” นายธนินทร์ กล่าว

สำหรับเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ รวมถึงการก่อสร้างโรงงานใหม่ขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต ตลอดจนชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานของบริษัท

ส่วนการเติบโตในอนาคต บริษัทเชื่อว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าสองหลัก (Double Digits) เหมือนอดีตที่ผ่านมาได้ เพราะสินค้าของ WINDOW เป็นปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต ขณะเดียวกันคู่ค้าบริษัทมีการขยายช่องทางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทจะเน้นการขยายไปในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นโครงการเพิ่มเติม รวมถึงการจะเริ่มขยายตลาดต่างประเทศอีกครั้ง หลังชะลอตัวช่วงที่เกิดโควิด-19 อย่างไรก็ตามคาดผลงานปี 2566 นี้ รายได้จะเติบโตทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) ตอกย้ำผู้นำด้าน Innovation Window and Door System หลังเห็นตัวเลขงบการเงินสดใสต่อเนื่อง

ปัจจุบันบริษัทมอง 3 ประเทศที่มีศักยภาพในการขยายเข้าไป ได้แก่

1.ฟิลิปปินส์

2.อินโดนีเซีย และ

3.สหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้บริษัทยังคงมีการเจรจาการเข้าซื้อกิจการ (M&A) รวมถึงการออกสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทยังคงเห็นโอกาสในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ WINDOW มองโอกาสในการขยายธุรกิจจากการเข้าควบรวมหรือซื้อกิจการคู่แข่ง (Merger and Acquisition) ซึ่งจะสามารถเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจ และอาจเป็นการขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่หรือตลาดใหม่ อีกทั้งช่วยเพิ่มความ สามารถในการแข่งขัน ส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) และเป็นการลดจำนวนคู่แข่งในตลาดอีกทางหนึ่ง จะอยู่ในเป้าหมายและแผนธุรกิจซึ่งคาดว่าดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า

นายธนินทร์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตลาดประตูและหน้าต่างในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 50,000-60,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ WINDOW มีรายได้จากการขายที่ประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นโอกาสที่บริษัทจะเติบโตในอนาคตยังคงมีได้อีกมาก ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายไปสู่การเป็นผู้ผลิตประตูและหน้าต่างให้ครบวงจรมากขึ้น นอกจากนี้การสร้างแบรนด์ของ WINDOW ก็ยังเป็นอีกโอกาสที่จะสร้างการรู้จักและเป็นที่จดจำของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน

ธุรกิจของ WINDOW ถือเป็นธุรกิจที่มั่นคง แต่ไม่หวือหวา อย่างไรก็ตามด้วยความเป็น Construction Materials (วัสดุก่อสร้าง) ในมุมมองของนักลงทุนอาจจะมองว่าเป็นธุรกิจที่ไม่หวือหวา ความเซ็กซี่ของธุรกิจมีไม่มากนัก เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ เช่น Financial Technology (เทคโนโลยีทางด้านการเงิน) หรือธุรกิจ Nano Finance (สินเชื่อการเงิน) แต่ WINDOW เห็นถึงโอกาสในการเติบโตได้อีกมากในอนาคต” นายธนินทร์ กล่าว

Back to top button