โบรกเชียร์ “ซื้อ” PLANB ชูเป้า 10.70 บ. ลุ้นกำไร Q3 แตะ 240 ล้าน รับโฆษณานอกบ้านหนุน
โบรกฯ คงคำแนะนำ “ซื้อ” PLANB ราคาเป้าหมายที่ 10.70 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/66 แตะ 240 ล้านบาท อานิสงส์สื่อโฆษณานอกบ้าน และธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (เอเชี่ยนเกมส์-มวย) ขณะที่ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารทรงตัว พร้อมคาดกำไรไตรมาส 4/66 ทำนิวไฮรับช่วงไฮซีซั่น
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI มีการประเมินแนวโน้มธุรกิจของ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ผู้นำการให้บริการสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย ซึ่งมีแพลตฟอร์มการให้บริการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมสื่อ ประกอบกับเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นสิ้นปีนี้
ล่าสุด ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2566 จะอยู่ที่ 240 ล้านบาท เพิ่ม 30% เทียบกับช่วงเดียวปีก่อน และเพิ่ม 6% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยจากการฟื้นตัวของสื่อโฆษณานอกบ้าน และธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม ผลักดันให้รายได้สูงขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ดีขึ้น ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 600 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 66% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้ พร้อมปรับอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/2566 เพิ่มขึ้นที่ 30.1% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้เป็นหลัก รวมถึงคาดการณ์การกำไรทั้งปี 2566 อยู่ที่ 904 ล้านบาท และคงการเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ประมาณกำไรในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 พันล้านบาท
ขณะที่ประเมินแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 3/2566 เพิ่มขึ้น 22% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ด้วยแรงหนุนจากรายได้ของโฆษณาผ่านสื่อนอกบ้าน (Out Of home : OOH) ที่เติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงอัตราการใช้สื่อโฆษณา (utilization rate) ในไตรมาส 3/2566 ดีขึ้นอยู่ที่ 72.5% และคาดการณ์รายได้ไตมาส 3/2566 ปรับขึ้น 40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับขึ้น 20% จากไตรมาสก่อนหน้า จากในส่วนของธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (engagement marketing) โดยได้รับผลบวกจากการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์และมวย ขณะเดียวกัน สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 13.0% ในไตรมาส 3/2566
นอกจากนี้ ประเมินว่าแนวทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 ฝ่ายวิเคราะห์ กล่าวว่า อัตราการผลิต (utilization rate) ของบริษัท PLANB จากต้นไตรมาส 4/2566 จนถึงปัจจุบันจะอยู่ที่ราว 72% และประมาณการว่าจะดีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการใช้สื่อโฆษณา ส่งผลให้กรณีนี้เป็นตัวหลักช่วยขับเคลื่อนกำไรสูงขึ้นในไตรมาส 4/2566 โดยประเมิน utilization rate อยู่ที่ 75%
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PLANB โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 10.70 บาท (อิงจากค่า PE ที่ 41 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต) เนื่องจากมองเห็นกำไรสุทธิที่โดดเด่นในไตรมาส 3/2566 และประมาณการโมเมนตัมของกำไรดีต่อเนื่องและจะสามารถทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/2566 ได้อย่างแน่นอน