“โกลเบล็ก” มอง SET ผันผวน แนะลงทุน 5 หุ้น รับส่งออกฟื้น
“บล.โกลเบล็ก” มอง SET สัปดาห์นี้ผันผวน วิตกสงคราม “อิสราเอล-ฮามาส” ขยายตัววงกว้าง ให้กรอบดัชนีที่ 1,350-1,420 จุด พร้อมแนะลงทุนหุ้น KSL-KBS-BRR-XO และ PDJ หลังตัวเลขส่งออกขยายตัว และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/66
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทาง ตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน โดยมีปัจจัยกดดันจากความวิตกสงครามอิสราเอล-ฮามาสอาจลุกลามเป็นความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจทั่วโลก
โดยล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าเศรษฐกิจโลกในปี 67 มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการขยายตัว กองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกให้ข้อมูลว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึงโดยอาจขยายตัวราว 3% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 30 ปี และ ทางตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ได้รายงานสรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 ต.ค.66 ยังเป็นภาพของ ฟันด์โฟลว์ (fund flow) ไหลออกนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 169,822.13 ล้านบาท
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในเดือน ก.ย.66 สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อที่ยังเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงเป็นเวลานาน แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังทรงตัวในระดับสูง จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,350-1,420 จุด
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีจากตัวเลขดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.0 ในเดือน ต.ค.66 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนจากระดับ 50.2 ในเดือนก.ย.66 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.65 ดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่จะมีผลกับ ตลาดหุ้นไทย อาทิ วันนี้ 31 ต.ค.66 ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม และปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันนี้ 31 ต.ค.66 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รายงานผลการประชุมนโยบายการเงิน ด้านจีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการ เดือน ต.ค.66 ส่วนยูโรโซนรายงาน GDP ไตรมาส 3/66 (ประมาณการเบื้องต้น) และอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค.66 (ประมาณการเบื้องต้น)
ขณะที่สหรัฐฯ รายงานราคาบ้านเดือน ส.ค.66 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.66 วันที่ 1 พ.ย.66 รวมไปถึง สหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ต.ค.66 กับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือน ต.ค.66 พร้อมทั้งตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ก.ย.66 และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
ดังนั้น จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนใน 5 หุ้นรับตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย.66 ขยายตัว ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกในไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการทยอยฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าที่ต่างออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอุปสรรคด้านห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายลงจากปีก่อนหน้าที่ต้องเผชิญกับโควิด-19 และแรงส่งจากภาคบริการและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปลายปีจะช่วยหนุนการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่ไทยมีศักยภาพ โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ KSL, KBS, BRR, XO และ PDJ
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมทองคำสัปดาห์นี้จับตาผลการประชุม FOMC คาด เฟด มีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ และอัตราว่างงาน ขณะที่แนวโน้มประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ หนุนให้ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมินว่าแม้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่อาจออกมาสูงกว่าคาดการณ์ แต่ทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง หากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,965 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำ ซื้อ