โบรกชี้ BGRIM พ้นจุดต่ำสุด ต้นทุน “ก๊าซ” ปี 67 ลดฮวบ ดันกำไรแตะ 2.7 พันล้าน
“บล.บียอนด์” ชูเป้า BGRIM ที่ 36 บาท มองราคาสะท้อนปัจจัยลบหมดแล้ว และมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตามการเติบโตของบริษัทหลังราคา "ก๊าซ" ปรับตัวลดลง หนุนกำไรโตแตะ 2.7 พันล้านบาท
บล.บียอนด์ จำกัด ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้นบริษัท บี.กริมม์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาคอนเซนซัส 1% จากราคา ณ วันวิเคราะห์ที่ 22.10 บาท ทำให้มีอัพไซด์สูงที่ 62.9%
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า BGRIM มีการลงทุนด้านพลังงานที่ดี จากค่าไฟที่น่าจะคงที่ในช่วง 3.80 ถึง 4 บาท ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ในปี 67 และต้นทุนค่าก๊าซรายไตรมาสที่ต่ำลงนับตั้งแต่ไตรมาส 3/66 ตลอดจนจบปี 67 นอกจากนั้นยังมีธุรกิจในบริษัทพลังงานหมุนเวียนประเทศอิตาลีที่เพิ่งเข้าซื้ออีกด้วย
สำหรับราคาหุ้น BGRIM ปรับตัวลดลง 37% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่องนโยบายลดค่าไฟของภาครัฐบาล และต้นทุนค่าก๊าซที่สูงขึ้นตามตลาดโลก ทำให้กำไรในครึ่งปีหลังอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ 1.1 พันล้านบาท
“มองว่ารัฐบาลจะคงค่าไฟไว้ที่ 4 บาทต่อกิโลวัตต์ ตลอดปี 67 เพื่อลดการขาดทุนและเสริมสภาพคล่องให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ขาดทุนกว่า 1.5 แสนล้านบาท ในขณะที่มีการอุดหนุนจากภาครัฐเพียง 2.5 หมื่นล้านบาท” บล.บียอนด์ กล่าว
โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าต้นทุนค่าก๊าซจะลดลงอย่างชัดเจนในปี 67 จากการนำเข้าที่น้อยลงเนื่องจากมีการผลิตก๊าซที่ถูกลงจากแหล่ง จี 1 หรือชื่อเดิมคือ เอราวัณ เพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านลูกบากศ์ฟุตมาตรฐานต่อวัน (mmscfd) ในเดือนเม.ย.67 นับเป็นเกือบ 2 เท่า จากระดับปัจจุบันที่ 440 mmscfd ซึ่งทำให้วิเคราะห์คาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 66 ไว้ที่ 300 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2 ที่ 678 ล้านบาท และ 399 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 จากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 300 ล้านบาท
ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานหลักคาดการณ์ว่าจะลด 5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ลงมาอยู่ที่ 600 ล้านบาท จากนโยบายลดค่าไฟของไทยที่ 3.99 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ที่มีผลหักล้างผลจากต้นทุนค่าก๊าซที่ต่ำลงเหลือ 305 บาทต่อล้านหน่วยอุณหภูมิบริเตนเมตริก (mmbtu) ซึ่งนับว่าลดลง 24% เทียบกับไตรมาสที่แล้ว และมียอดขายจากผู้ใช้งานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว
โดยในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา BGRIM ได้เข้าถือหุ้นบริษัทผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนในอิตาลีที่ชื่อ LT06 S.r.l ด้วยเงินลงทุน 1 หมื่นยูโร และจำเริ่มพัฒนาโครงการออร์ทาโนวา ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตามขนาด 80.9 เมกาวัตต์ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 1 ล้านดอลลาร์ต่อเมกาวัตต์ เป็นโครงการแรก โดยมีค่าไฟคงที่ อยู่ที่ 80 ยูโรต่อเมกาวัตต์ชั่วโมง ในช่วง 10 ปีแรกตามสัญญา PPA 10 ปี โดยมีอัตราส่วนร้อยละของปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจริง (Capacity Factor) อยู่ราว 20% มีหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 70 ต่อ 30 และอัตราดอกเบี้ย 6% นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ออร์ทาโนวา จะสร้าง อัตราผลประโยชน์ทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการ (EIRR) ประมาณ 13% และกำหนดกาณ์ COD ในไตรมาส 2 ปี 70
นักวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำซื้อ BGRIM ที่ราคาเป้าหมาย 36 บาท ลดลงจากเดิมที่ 42 บาท เพื่อสะท้อนการประเมินมูลค่าในปี 67 และค่ากำไรต่อหุ้นที่ปรับเป็น 17.5% ถึง 25.3% ในช่วงปี 66 ถึง 68 จากต้นทุนค่าก๊าซและค่าไฟที่ลดลงในปีถัดไป พร้อมเชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้รับรู้ปัจจัยลบไปจนหมดแล้ว และราคาหุ้นน่าจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งตามการเติบโตของ BGRIM
ขณะที่ในส่วนของผลการดำเนินงานในปี 67 คาดการณ์ว่า BGRIM จะรายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,711 ล้านบาท จากรายได้ทั้งหมด 97.2 หมื่นล้านบาท