สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 พ.ย.2566
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 พ.ย.2566
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.66) ขานรับคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,839.08 จุด เพิ่มขึ้น 564.50 จุด หรือ +1.70%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,317.78 จุด เพิ่มขึ้น 79.92 จุด หรือ +1.89% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,294.19 จุด เพิ่มขึ้น 232.72 จุด หรือ +1.78%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขึ้นมากกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.66) นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเทคโนโลยีจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ ได้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากธนาคารกลางของสหรัฐ, อังกฤษและนอร์เวย์ตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 443.47 จุด เพิ่มขึ้น 6.90 จุด หรือ +1.58%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,060.69 จุด เพิ่มขึ้น 128.06 จุด หรือ +1.85%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,143.60 จุด เพิ่มขึ้น 220.33 จุด หรือ +1.48% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,446.53 จุด เพิ่มขึ้น 104.10 จุด หรือ +1.42%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.66) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสร้างบ้านและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง แม้ปฏิเสธแนวโน้มที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,446.53 จุด เพิ่มขึ้น 104.10 จุด หรือ +1.42% โดยปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.66) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะลุกลามและส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางหรือไม่
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 82.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 86.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.66) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง หลังจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐในวันนี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 1,993.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.60 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 22.846 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 930.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ 1110.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) หลังจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐในวันนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.71% แตะที่ระดับ 106.1285
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 150.4220 เยน จากระดับ 150.9820 เยนในวันพุธ (1 พ.ย.), อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9059 ฟรังก์ จากระดับ 0.9088 ฟรังก์, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3751 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3873 ดอลลาร์แคนาดา และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 11.1124 โครนา จากระดับ 11.2053 โครนา
เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2204 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2132 ดอลลาร์ และยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.0625 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0542 ดอลลาร์