EGCO ปลื้ม! นักลงทุนตอบรับ “กรีนบอนด์” ดีเยี่ยม ยอดจองเกินเป้า 3 เท่าตัว

EGCO ประสบความสำเร็จเสนอขายหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” รวมมูลค่า 7 พันล้านบาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากกว่า 80 ราย ด้วยยอดจองกว่า 3 เท่าของมูลค่าเสนอขาย สะท้อนความเชื่อมั่นบริษัท พร้อมเดินหน้าสู่การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์


นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า บริษัทได้เสนอขายหุ้นกู้กรีนบอนด์เป็นครั้งแรก มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ต่อนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2566 และจัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566

โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากกว่า 80 ราย ที่แจ้งความจำนงความต้องการลงทุนเป็นจำนวนกว่า 20,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.15 เท่าของมูลค่าการเสนอขายเดิมที่ 6,500 ล้านบาท บริษัทจึงเพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoes) อีก 500 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการและช่วยขยายฐานนักลงทุนใหม่ โดยนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้แก่ กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มสหกรณ์ และนักลงทุนประเภทอื่น ๆ

สำหรับหุ้นกู้กรีนบอนด์ของ EGCO เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 5 ชุด รวมมูลค่าทั้งหมด 7,000 ล้าน ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.35% จำนวน 1,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.71% จำนวน 700 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.02% จำนวน 500 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.32% จำนวน 1,000 ล้านบาท และ หุ้นกู้อายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.65% จำนวน 3,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ หุ้นกู้กรีนบอนด์นี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA+ จากทริสเรทติ้ง และจัดออกภายใต้โครงการหุ้นกู้ EGCO ปี 2566 วงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทำหน้าที่เป็น Joint Green Structuring Advisors และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

“EGCO ขอบคุณนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ที่ให้ความเชื่อมั่นและจองหุ้นกู้กรีนบอนด์อย่าง ท่วมท้น โดยเฉพาะประเภทหุ้นกู้อายุ 15 ปี แม้สภาวะตลาดในปัจจุบันมีความผันผวนทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน การสนับสนุนดังกล่าวทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม โดยบริษัทมีแผนจะนำวงเงินระดมทุนนี้ไปใช้ชำระคืนเงินทุนสำหรับโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมประเภทพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมของบริษัทและบริษัทในเครือ ภายใต้กรอบการจัดหาเงินทุนเพื่อโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593” นายเทพรัตน์ กล่าว

Back to top button