ASW ลุ้นกําไร Q4 เด่นสุดทะลุ 300 ล้าน! เร่งโอนคอนโดใหม่ 3 โครงการ

โบรกฯแนะนำ “ซื้อ” ASW คาดกำไรไตรมาส 3/66 แตะ 181 ล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อก 4.5 พันล้านบาท รวมถึงทิศทางไตรมาส 4/66 กลับเติบโตเด่นราว 300-400 ล้านบาท เร่งโอนคอนโดใหม่ 3 โครงการ พร้อมคาดกําไรปี 67 ยังดีกว่ากลุ่มฯ เล็งจ่ายปันผลปี 67 ที่ 0.52 บาท/หุ้น ยีลด์สูง 6.2%


บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ซึ่งประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น  (Holding Company) ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย ทั้งโครงการอาคารชุดที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม และโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบ ซึ่งได้รับการประเมินให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) เมื่อเร็วๆนี้

ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า ประเมินกำไรสุทธิของ ASW ในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 181 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 15% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าการประมาณเดิมที่มองว่าจะเพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีส่วนเกินมูลค่าหุ้น (Share Premium) อยู่ที่ 80 ล้านบาท จากการเซ็นสัญญากิจการร่วมค้า (JV) 1 โครงการ หากไม่รวมรายการดังกล่าว ส่วนกำไรปกติคาดการณ์อยู่ที่ 101 ล้านบาท (ลดลง 36% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)

โดยเป็นผลจากยอดโอนจากคอนโดในไตรมาส 3/2566 จะเร่งตัวขึ้นเด่นเป็น 1.56 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 31% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากการเริ่มโอนคอนโดใหม่ 3 โครงการอย่าง Modiz Rhyme Hill, Atmoz Sriracha และ Atmoz Portrait Sriraman แต่ยังคงถูกแรงกดดันจาก 1) อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาฯ ปรับลดเป็น 36% จาก 42.7% ในไตรมาส 2/2566 เนื่องจากคอนโดใหม่บางโครงการที่เปิดตัวในช่วง Covid-19 และมีมาร์จิ้นต่ำกว่าปกติ 2) ค่าใช้จ่ายในการบริหารสูงขึ้นอย่างมีนัยจากการเพิ่มบุคลากรรองรับการขยายธุรกิจ และ 3) ส่วนแบ่งธุรกิจร่วม (JV) คาดพลิกเป็นขาดทุน เนื่องจากไม่มีคอนโดร่วม (JV) ใหม่เพิ่ม ผนวกกับค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากโครงการคอนโดร่วม (JV) ใหม่

นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประเมินทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/2566 กลับมาฟื้นตัวเด่นและเป็นไตรมาสดีสุดของปี โดยเบื้องต้นคาดการณ์กำไรอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท ตามการเร่งตัวขึ้นของยอดโอนจากคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วยดอนโดใหญ่ Kave Town Colony รวมถึงคอนโดร่วม (JV) 2 แห่งอย่าง Atmoz Oasis และ Atmoz Flow Minburi ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นดาดการณ์ว่าทยอยปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 3/2566 จากผลของ Project Mix ที่มีสัดส่วนโครงการใหม่ที่มาร์จิ้นดีขึ้น

ขณะที่ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566-2568 ลง 6-21% สำหรับกำไรปกติในปี 2566 อยู่ที่ 801 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถัดไปกำไรปกติในปี 2567 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรปกติในปี 2568 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นนั้น มาจากการขายอสังหาฯ สะท้อนบางโครงการที่มาร์จิ้นต่ำกว่าปกติ รวมถึงปรับลดส่วนแบ่งกำไรธุรกิจร่วม (JV) จากค่าใช้จ่ายจากการร่วมทุนโครงการใหม่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2567 ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกและคาดการณ์จะเติบโตดีและทำระดับสูงสุดใหม่ ด้วยแรงหนุนจากดอนโดสร้างเสร็จใหม่ของ ASW และคอนโดร่วม (JV) จำนวน 6 โครงการ ประกอบกับเริ่มเห็นผลบวกของการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งมีแผนโอนคอนโดใหม่ 2 แห่ง โดยมีงานที่รอรับรู้รายได้ในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีหน้า โดยได้รับยอดโอนแล้ว 50%

ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับราคาเหมาะสมปี 2567 ลงเป็น 10 บาท (อิง PER เดิม 3 เท่า) ระยะสั้นหุ้นอาจขาดปัจจัยที่เร่งการเติบโตของบริษัท (Catalyst) จากผลประกอบการในไตรมาส 3/2566 ที่ไม่สดใส อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 4/2566 จะฟื้นตัว และการเติบโตของกำไรปี 2567 ยังโดดเด่นกว่ากลุ่มฯ  และราคาหุ้นซื้อขายบน PE ปี 2567 ที่ 6.8 เท่า และคาดการณ์ว่าบริษัทจ่ายปันผลปี  2567 ที่ 0.52 บาท/หุ้น อัตราผลตอบแทนสูง 6.2% (จ่ายครั้งเดียว)

Back to top button