ACPG เปิดโมเดลธุรกิจ “บริหารสินทรัพย์” ครบวงจร ตอกย้ำความยั่งยืนองค์กร

ACPG เปิดโมเดลธุรกิจตลาดบริหารสินทรัพย์ครบวงจร พร้อมโชว์ศักยภาพและความเชี่ยวชาญทีมผู้บริหารกว่า 20 ปี หวังมุ่งสู่บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย


บริษัท อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACPG หนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันจากภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดโมเดลบริหารสินทรัพย์ครบวงจร ทั้งธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) สร้างโอกาสทางธุรกิจในแต่ละช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ และความยั่งยืนให้องค์กร โชว์ศักยภาพการดำเนินงานและความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหารในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพกว่า 20 ปี มุ่งสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย

โดย นายไมเคิล บีแคว๊ท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACPG เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ 1. บริษัท บริหารสินทรัพย์อัลฟาแคปปิตอล จำกัด (ALPHA) และ 2. บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไวร์เลส จำกัด (WAMC) ซึ่งมีธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างครบวงจรเป็นธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ที่มีหลักประกัน

ทั้งนี้ การรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพรายอื่นในประเทศไทย มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันที่หลากหลายทั้งประเภทของสินทรัพย์ ที่ตั้ง หรือบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพด้วยการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้เพื่อหาข้อตกลงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกฝ่ายเท่าที่เป็นไปได้

อีกทั้งธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) โดยทรัพย์สินรอการขายส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มีที่มาจากการประมูลซื้อหลักประกันสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากการขายทอดตลาด หรือการตีทรัพย์ชำระหนี้ของลูกหนี้สินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบริษัทฯ โดยจะคำนึงถึงคุณภาพของทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันและพิจารณาความต้องการของตลาด เพื่อให้จำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ในมูลค่าที่เหมาะสม

ทั้งนี้ ACPG เชื่อว่ารูปแบบธุรกิจของบริษัทฯ จะทำให้สามารถปรับตัวต่อสถานการณ์และสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสมและสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจในแต่ละช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยบริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตโดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารสินทรัพย์โดยมีจุดแข็งและข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนี้

1.กลุ่มบริษัทฯ เป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันจากภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 5,919.8 ล้านบาท และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 6,350.6 ล้านบาท

2.บริษัทฯ มีโอกาสในการเติบโตจากอุปทานของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยจากรายงานการประเมินอุตสาหกรรม ณ เดือนสิงหาคม 2566 ที่จัดทำโดย บริษัท อิปซอสส์ จำกัด

โดยคาดการณ์ว่าภายหลังจากที่มาตราการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของธนาคารแห่งประเทศไทยสิ้นสุดลงในปี 2566 จะมีปริมาณสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้แก่บริษัทฯ ในการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ

3.บริษัทฯ มีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบส่งผลให้สามารถจัดหา บริหารจัดการ และสร้างกระแสเงินสดจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทีมผู้บริหารและบุคลากรหลักที่ผ่านการร่วมงานกับ Joint Venture ระหว่าง General Electric Capital และ Goldman Sachs

โดยเป็นสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงระดับโลก ประกอบกับบริษัทฯ มีกลยุทธ์การปรับโครงสร้างหนี้ที่หลากหลาย สามารถปรับให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ได้ เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่เหมาะสมที่สุดต่อทุกฝ่ายเท่าที่เป็นไปได้ โดยสำหรับปี 2565 บริษัทฯ มีสัดส่วนเงินที่จัดเก็บได้ต่อมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายสุทธิที่ 33.2% แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจัดหา บริหารจัดการ และสร้างกระแสเงินสด

  1. บริษัทฯ มีความสามารถในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในราคาที่เหมาะสม เพื่อสอดคล้องกับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง โดยมุ่งเน้นการลงทุนในพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันที่ความหลากหลายทั้งประเภทของทรัพย์สินและที่ตั้ง
  2. บริษัทฯ มีทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี อีกทั้งเคยผ่านประสบการณ์ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง, วิกฤตซับไพร์ม, วิกฤตโควิด-19 เป็นต้น

Back to top button