PTTGC ไตรมาส 3 พลิกกำไร 1.4 พันล้าน รับค่าการกลั่นฟื้น
PTTGC รายงานงบไตรมาส 3/66 พลิกมีกำไร 1.4 พันล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1.34 หมื่นล้านบาท รับค่าการกลั่นฟื้น ขณะที่งวด 9 เดือนแรกผลขาดทุนสุทธิ 4,082.29 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 56.71% ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยยังคงราคาเป้าหมายที่ 35 บาท
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 66 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
สำหรับ PTTGC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/66 พลิกกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,426.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 13,404.05 ล้านบาท เป็นผลมาจากมีรายได้จากการขายรวม 160,392 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ปรับตัวลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นโดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นที่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ปริมาณการขายในภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของกลุ่มธุรกิจโอเลฟินส์และกลุ่มธุรกิจโพลิเมอร์ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสนี้แม้ว่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงานอะโรเมติกส์แห่งที่ 2 ในไตรมาสนี้
นอกจากนี้ในไตรมาส 3/2566 ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในระดับที่สูง บริษัทฯ เริ่มการดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 หรือ Olefins 2 Modification Project (“OMP”) ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น โดยโครงการดังกล่าวเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารต้นทุนของบริษัทฯ
โดยบริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 12,307 ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้น 80%จากไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งค่าการกลั่นเฉลี่ยของไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 12.6 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการปรับสูงขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณขายที่เติบโต 10%
นอกจากนี้ บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้จำนวน 179 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าโดยหลักจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนในธุรกิจปิโตรเคมีที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานปกติจำ นวน 1,614 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ รับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและรายการกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net NRV) รวม 3,674 ล้านบาท รวมถึงผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 2,729 ล้านบาท และผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นขาดทุน 1,146 ล้านบาท และบริษัทฯมีการบันทึกรายการพิเศษในไตรมาส 3/2566 รวม 625 ล้านบาท โดยหลักจากรายการขาดทุนจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์อันเนื่องมาจากเหตุขัดข้องการเตรียมดำเนินการโครงการคลังสินค้าส่งผลให้ในไตรมาส 3/2566
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 4,082.29 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 56.71% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 9,430.13 ล้านบาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัทจะกลับมารายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 1.34 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/65 และจากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 5.6 พันล้านบาท
โดยคาดการณ์ว่าในปี 66 บริษัทจะมีผลขาดทุน FX และ financial derivatives ที่ลดลง ขณะที่ประเมินว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรในปี 67 ตาม PE spread ที่ฟื้นตัวและ utilization rate ที่ดีขึ้นของธุรกิจ PC ทั้งนี้ คงราคาเป้าหมายที่ 35 บาท