SFLEX โชว์กำไร Q3 แตะ 49 ล้าน เคาะปันผล 0.045 บ. ขึ้น XD 22 พ.ย.นี้
SFLEX กวาดกำไรไตรมาส 3/66 แตะ 49 ล้านบาท โต 886% จากปีก่อน รับอานิสงส์บริหารต้นทุน-วัตถุดิบ บอร์ดไฟเขียวแจกปันผล 0.045 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 พ.ย.66 กำหนดจ่าย 7 ธ.ค.นี้ รุกเดินหน้าเจาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน-เทรนด์รักษ์โลก
ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/66 (สิ้นสุด 30 ก.ย. 66) บริษัทมีรายได้รวม 429.4 ล้านบาท
โดยมีกำไรขั้นต้น 107.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรขั้นต้น 45.3 ล้านบาท หากพิจารณาในส่วนของกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 48.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 886.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5 ล้านบาท
โดยสำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,375.3 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น 319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรขั้นต้น 146.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 542.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 21.8 ล้านบาท
อีกทั้ง ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นปี และในไตรมาส 3/66 สามารถสร้างผลกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างโมเดลการบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างเป็นระบบกับ suppliers ทั้งในและต่างประเทศ และมีการวางแผนจัดหาวัตถุดิบหลักที่จำเป็นไว้สำหรับการผลิตล่วงหน้ามากกว่า 2 ไตรมาสเพื่อใช้ในการผลิต
“โดยบริษัทได้พัฒนาระบบการกำหนดราคาขายลูกค้า OEM ให้สอดคล้องกับการปรับตัวของราคาวัตถุดิบอยู่ตลอดเวลา เพื่อการกำหนดราคาขายกับคู่ค้าอย่างยุติธรรม และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในการผลิต รวมถึงการมุ่งเน้นกลยุทธ์การขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง” ดร.สมโภชน์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ (1 ม.ค.66 – 30 เม.ย. 66) โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 พ.ย.66 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 7 ธ.ค นี้
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีช่วงที่เหลือของปี บริษัทยืนยันเป้าหมายรายได้ของธุรกิจหลักแบบ Organic growth อยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากกลยุทธ์การขยายตลาดเชิงรุกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ประกอบกับการมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน หรือแพคเกจจิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recyclable) ให้มากยิ่งขึ้นซึ่งถือเป็นเทรนด์ของโลก
โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าช่วยผลักดันการเติบโตได้เพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อมุ่งสร้างความยั่งยืนของอัตรากำไรขั้นต้นให้มั่นคงในระยะยาว ทั้งนี้เพื่อแผนการเข้าไปร่วมลงทุนในบริษัท Starprint Vietnam Joint Stock Company (SPV) ประเทศเวียดนาม กับผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่รายหนึ่ง คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นการยกระดับ SFLEX และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน สนับสนุนผลการดำเนินงานในอนาคตให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อไป