JMART ไตรมาส 3 กำไร 293 ล้าน โบรกชี้ครึ่งปีหลังทุกธุรกิจฟื้นชัด
JMART รายงานงบไตรมาส 3/66 มีกำไรแตะ 293 ล้านบาท ด้าน บล.เอเซียพลัส ประเมินแนวโน้มผลประกอบการที่ดูสดใสขึ้นช่วงครึ่งหลังปี 66 จากรายได้ที่จะโตขึ้นในทุกๆ ธุรกิจ โดยให้ราคาเป้าหมาย 24 บาท
บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 66 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
สำหรับ JMART รายงานงบไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 292.95 ล้านบาท ลดลง 48.01% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 563.49 ล้านบาท โดยรวมรายได้จากการขายและบริการ 3,529 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 3,435.8 ล้านบาท
สาเหตุมาจากต้นทุนขายและบริการ 2,391.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 2,340.4 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากต้นทุนค่าเช่า และต้นทุนการให้บริการ
นอกจากนี้ยังมีขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 57.8 ล้านบาท ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 59.1 ล้านบาทและมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 708.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.1 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 66 ขาดทุนสุทธิ 613.01 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,278.02 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (จำกัด) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นของ JMART มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดูสดใสขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จากรายได้ที่จะโตขึ้นในทุกๆ ธุรกิจ คือ การจัดจำหน่ายมือถือ ที่เป็นธุรกิจหลัก การติดตามหนี้ และพื้นที่ให้เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจขณะเดียวกัน การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรและขาดทุนจากบริษัทร่วม คาดการณ์จะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/66 เป็นต้นไป ตามการฟื้นตัวของกลุ่มบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และบริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) หรือ สุกี้ตี๋น้อย ที่จะมีกำไรโตขึ้นตามการขยายสาขาเพิ่ม
นอกจากนี้ ให้คําแนะนําสําหรับ JMART เป็น “Outperform” ที่ราคา 24 บาทต่อหุ้น จากเชื่อว่าผลการดําเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/66 และแนวโน้มที่ดูสดใสขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งส่วนแบ่งกําไร (ขาดทุน) จากบริษัทร่วมที่คาดจะเริ่มดีขึ้น ส่วนความเสี่ยงจากผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุน (Unrealized loss) ในบริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR และบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC น่าจะต่ำกว่าในไตรมาสที่ 1/66 และไตรมาสที่ 2/66 หลังจากที่ราคาหุ้นปรับลงมาแล้ว