BE8 โชว์กำไร 9 เดือนแรกแตะ 213 ล้าน โต 139% รับรายได้บริการเทคโนโลยี
BE8 โชว์งบแกร่ง ผลงาน 9 เดือน โกยรายได้ 1.8 พันล้านบาท โตกว่า 284.90% ดันกำไรแตะ 213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% ส่วนไตรมาส 3/66 ยังขยายตัวโดดเด่น กำไรสุทธิพุ่ง 122% อัตรากำไรสุทธิแข็งแกร่ง 13.46% เป็นผลจากการเข้าไปจัดกลยุทธ์ในการบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับบริษัทย่อย
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 212.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139.33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 88.92 ล้านบาท
ขณะที่มีรายได้รวม 1,814.62 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 284.90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 471.45 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรวมรายได้ของบริษัทย่อยที่บริษัทได้เข้าลงทุน ประกอบด้วย บริษัท เอคซเทนด์ ไอที รีซอร์ส จำกัด, บริษัท เบย์คอมพิวติ้ง จำกัด, บริษัท วานิลลา แอนด์ เฟรนด์ จำกัด และ บริษัท รีโคนิกซ์ จำกัด รวมถึงการเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของความต้องการของลูกค้าทั้งในส่วนการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี งานด้านการขาย และการให้เช่าใช้สิทธิการใช้งาน
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี 794.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178.59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 285.22 ล้านบาท ส่วนในกลุ่มของการให้บริการด้านเทคโนโลยี พบว่ามีรายได้จากการขายและการให้เช่าใช้สิทธิการใช้งานจำนวน 569.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 438.44% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 105.68 ล้านบาท ขณะที่มีการดูแลระบบเทคโนโลยีและจัดหาบุคลากรเทคโนโลยีจำนวน 428.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 454.67% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 77.26 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 78.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 122.61% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.12 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 580.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 211.07 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มบริการต่างๆ ในเครือให้ครบวงจรมากขึ้น มีการใช้ทรัพยากรบุคคลเพื่อสร้างรายได้ที่สูงขึ้น รวมทั้งมีการบริหารจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“โดยได้เริ่มเข้าไปทำงานร่วมกับบริษัทย่อยที่เข้าไปลงทุน มีการให้บริการต่างๆ ที่ครบวงจรมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า มีการวางกลยุทธ์ในการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น สะท้อนได้จากกำไรสุทธิยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีอัตรากำไรสุทธิที่ 13.46%” นายอภิเษก กล่าว
ด้านฐานะการเงิน ณ สิ้น 30 กันยายน 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีทรัพย์สินรวม 4,047.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.08 ล้านบาท หรือ 3.90% จาก ณ สิ้น 31 ธันวาคม 2565 ที่มีอยู่จำนวน 3,895.33 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และ สินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญา
ขณะที่หนี้สินรวม ณ สิ้น 30 กันยายน 2566 อยู่ที่ 1,273.35 ล้านบาท ลดลง 68.92 ล้านบาท หรือ 5.13% จาก ณ สิ้น 31 ธันวาคม 2565 ที่ 1,342.27 ล้านบาท เนื่องมาจากการชำระคืนเงินกู้ของบริษัทย่อยในระหว่างงวด โดยสินทรัพย์รวมที่เพิ่มขึ้น และหนี้สินรวมที่ลดลง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินจากทีมผู้บริหารที่บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ