ก.ล.ต. กล่าวโทษ 3 ผู้บริหาร CHG ฐานอาศัยข้อมูลซื้อหุ้น สั่งปรับ 8 ล้านบาท
ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย กรณีซื้อหุ้น CHG โดยอาศัยข้อมูลภายใน และช่วยเหลือการกระทำความผิด พร้อมสั่งห้ามเป็นกรรมการ-ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า บุคลลทั้ง 3 รายตามที่กล่าวข้างต้นกระทำการที่เข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการซื้อหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายในที่ส่งผลกระทบด้านบวกต่อราคาหุ้นที่ตนรู้หรือครอบครอง
ทั้งนี้เป็นข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาส 3/62 ของ CHG ที่มีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับเงินค่าบริการทางการแพทย์ตามภาระเสี่ยงจากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ CHG ประมาณการไว้ โดยพบว่าภายหลังจากที่นายแพทย์กำพล กรรมการผู้จัดการและกรรมการของ CHG ล่วงรู้ภายในดังกล่าวแล้ว ได้ซื้อหุ้น CHG ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายกฤษณ์และนางสาวกุลภา ก่อนที่ CHG จะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562
โดยการกระทำของนายแพทย์กำพล กรณีซื้อหุ้น CHG ซึ่งอาศัยข้อมูลภายในดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
ส่วนการกระทำของนายกฤษณ์และนางสาวกุลภาที่ยินยอมให้นายแพทย์กำพลใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานซื้อหุ้น CHG ซึ่งอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 315 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
ด้านคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย ดังกล่าว โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ดังนี้
1. ให้นายแพทย์กำพล ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 6,873,854 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน
- ให้นายกฤษณ์ และนางสาวกุลภา ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้นรายละ 598,082 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลารายละ 9 เดือน
อีกทั้งการกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดหากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง