VGI โชว์รายได้ Q2 ทะลุพันล้าน มั่นใจปี 67 แตะ 5,500 ลบ.
VGI โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 66/67 มีรายได้ 1,083 ล้านบาท และกำไรอยู่ที่ 166 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการขายเงินลงทุนในบริษัท แรบบิท-ไลน์ เพย์ จำกัด พร้อมตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 5,000 – 5,500 ล้านบาท มั่นใจธุรกิจฟื้นตัวทุกกลุ่มธุรกิจพร้อมรับประโยชน์จากการเปิดตัวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู
บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ผู้นำการตลาด Offline-to-Online (O2O) โซลูชั่นส์ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลาย แจ้งผลการดำเนินธุรกิจไตรมาส 2 ปี 2566/67 บันทึกรายได้จากการให้บริการและการขาย 1,083 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 166 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขายเงินลงทุนในบริษัท แรบบิท-ไลน์ เพย์ จำกัด
นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ VGI เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายและพิสูจน์ถึงความสามารถในการบริหารจัดการของบริษัทที่ยังคงแข็งแกร่งโดยเฉพาะธุรกิจสื่อโฆษณา ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.0% คิดเป็น 471 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมา VGI ได้ร่วมมือกับ บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) หรือ TURTLE เปิดตัวแพ็คเกจสื่อใหม่ชื่อว่า “TURTLE LED” สื่อโฆษณาจอดิจิทัลขนาดใหญ่ 59 จอที่หน้าร้าน Turtle บนสถานี BTS ทั้งหมด 15 แห่ง ในส่วนของ ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มีรายได้ 370 ล้านบาทลดลงจากปีก่อน 2.5% เนื่องจากรายได้ในการสร้าง Lead Generation จากบริษัท แรบบิทแคร์ จำกัด
อย่างไรก็ตามกลุ่มบริษัทแรบบิท ยังคงมีพัฒนาการทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบัตรแรบบิทมีจำนวนทั้งสิ้น 16.9 ล้านใบ ในส่วนของธุรกิจนายหน้าประกันภัยภายใต้กลุ่ม RCare ได้ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อธุรกิจนายหน้าประกันภัยของบริษัท อีซีคอมแพร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยธุรกรรมนี้จะทำให้ RCare สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าแอคทีฟมากกว่า 30,000 ราย จากผู้ใช้อย่างน้อย 400,000 ราย ไม่เพียงเท่านั้น RCare ยังได้เริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดเวียดนามและสิงคโปร์ โดยการก่อตั้งบริษัทย่อยใหม่ภายใต้ชื่อ “RABBIT CARE VIETNAM LIMITED LIABILITY COMPANY” และ “RABBIT CARE (SINGAPORE) PTE. LTD.” โดยบริษัทย่อยใหม่เหล่านี้จะทำการจำลองรูปแบบธุรกิจของ RCare ในประเทศไทย คือให้บริการเปรียบเทียบประกันภัยและผลิตภัณฑ์ทางการเงินออนไลน์แก่ลูกค้าใหม่
ทั้งนี้ด้าน ธุรกิจการจัดจำหน่ายมีรายได้ 242 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 40.5 % เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ของ Fanslink ที่เลือกขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงกว่าเดิม อย่างไรก็ตามการลดลงดังกล่าวถูกชดเชยบางส่วนจากการเพิ่มขึ้นจากรายได้ของธุรกิจค้าปลีก TURTLE และในไตรมาส นี้บริษัทยังมีรายได้อื่นๆ อยู่ที่ 583 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 94.6% ในการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท แรบบิท ไลน์ เพย์ จำกัด อีกด้วย
นอกจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง บริษัทยังมีเรื่องน่ายินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66 บริษัทได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน “SET ESG Ratings” ในระดับ “AA” ในกลุ่มบริการ (Services) ประจำปี 66 ซึ่งถือเป็นการได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนติดต่อกัน 3 ปีซ้อน จากผลการประเมินเป็นสิ่งที่เน้นย้ำให้เห็นว่าบริษัทมีความมุ่งมั่นและยืนหยัดในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความยั่งยืนควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเสมอมา
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลง ซึ่งส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 66 ลงเหลือ 2.8% และด้วยเหตุนี้ VGI จึงปรับเป้าหมายรายได้ทั้งปีเป็น 5,000 – 5,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของ VGI ทั้งสถานภาพทางการเงินและบุคลากร บริษัทมั่นใจว่าจะฟื้นตัวครบทุกกลุ่มธุรกิจและพร้อมรับประโยชน์จากการเปิดตัวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงสนับสนุนให้ธุรกิจในอีโคซิสเต็มของ VGI เติบโตได้ดียิ่งขึ้น” นายเนลสัน กล่าวทิ้งท้าย