NOBLE เล็งเปิดตัว 2 โครงการท้ายปี มูลค่า 3.10 พันล้าน! หลังงบ 9 เดือนกำไรทะลัก 517%

NOBLE โชว์ฟอร์มแจ่ม! งบ 9 เดือนแรกของปี 2566 กวาดรายได้รวม 7,274 ล้านบาท ดันกำไรสุทธิ 719 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 517% จากช่วงเดียวของปีก่อน รับตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้น เล็งเปิดตัว 2 โครงการใหม่เพิ่มในช่วงปลายปีนี้ มูลค่ากว่า 3,100 ล้านบาท


นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,274 ล้านบาท เติบโต 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการฟื้นตัว

ประกอบกับบริษัทฯ สามารถทยอยขายโครงการพร้อมอยู่ (Ready to Move) ที่มีในมือ ควบคู่กับการรักษาการขายในกลุ่มลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ยังทยอยส่งมอบยอดขายรอโอน (Backlog) ได้ตามแผน ซึ่งใน 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ ได้มีการส่งมอบโครงการใหม่ทั้งหมด 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการประเภทคอนโดมิเนียมจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการนิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น โครงการประเภทแนวราบจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ และโครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ ซึ่งเข้ามาหนุนรายได้ให้เติบโตมากขึ้น

นอกจากนี้ กำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 719 ล้านบาท เติบโต 517% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมาจากกำไรการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นจากรายได้รวมที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นหลัก และมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้กับบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ได้รับในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการร่วมทุน ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการบริหารโครงการ (Management Fee) ค่าธรรมเนียมแรงจูงใจ (Incentive Fee) ค่าธรรมเนียมความสำเร็จของธุรกิจ (Success Fee) เป็นต้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,796 ล้านบาท เติบโต 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 535 ล้านบาท เติบโต 289% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการมีรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการและบริหารงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากโครงการร่วมทุน ประกอบกับการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน 2 บริษัทร่วมทุนเข้ามาหนุนด้วยเช่นกัน

สำหรับยอดขาย Presale ในช่วง 10 เดือนของปี 2566 (มกราคม-ตุลาคม) อยู่ที่ระดับกว่า 12,288 ล้านบาท (ไม่รวมยอดขายของโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน) ซึ่งเป็นผลมาจากสินค้าพร้อมอยู่ (Ready to Move) ที่ได้รับผลตอบรับดีจากลูกค้า เนื่องด้วยรูปแบบโครงการและทำเลที่มีศักยภาพของโครงการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ล่าสุดในมือรวมมูลค่ากว่า 19,492 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ 3-4 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังมีสินค้าพร้อมอยู่และกำลังพัฒนากว่า 35,253 ล้านบาท

โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 17,100 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน 2.โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ 3.โครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ 4.โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย 5.โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ และ 6.โครงการ ดิ เอ็มบาสซี่ ไวร์เลส นอกจากนี้ยังเล็งเปิดตัว 2 โครงการใหม่ส่งท้ายปีมูลค่ากว่า 3,100 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีเปิดตัวโครงการรวมทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวม 20,200 ล้านบาท

นายธงชัย กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/2566 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่ายังคงมี Momentum ที่ดี โดยบริษัทฯ ยังคงเน้นการขายสินค้า Ready to Move ที่มีในมืออย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 โครงการอราวน์ อารีย์ เป็นต้น โดยโครงการรูปแบบคอนโดมิเนียมที่เป็น Ready to Move ในทำเลที่ตั้งอยู่ในเมือง ที่มีระดับราคา 5-6 ล้านบาทต่อยูนิต มียอดขายอย่างต่อเนื่องจากความต้องการของลูกค้าต่างชาติที่ต้องการอยู่เอง ส่วนระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable) เช่น โครงการภายใต้แบรนด์นิว (NUE) ที่อยู่รอบสถานีรถไฟฟ้า เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ในโซนศรีนครินทร์ ก็มีการทยอยระบายสต็อกได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้า

สำหรับโครงการแนวราบระดับไฮเอนด์ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย และโครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ ซึ่งมียอดขายอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าหากโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และมีจุดขายที่ชัดเจน ก็สามารถดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายได้เรื่อย ๆ ขณะที่โครงการแนวราบระดับ Affordable ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ และนโยบายควบคุมสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งทำให้มีผลต่อการขาย

ทั้งนี้ สถานะทางการเงินของ NOBLE มองว่า ยังคงมีความแข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องที่ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีกระแสเงินสดในมือรวมเงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพันเพื่อการชำระหุ้นกู้จำนวน 1,591 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E ratio) อยู่ที่ระดับ 2.16 เท่า หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นฉบับปรับปรุง (adjusted net IBD/E ratio) หากรวมเงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพันเพื่อการชำระหุ้นกู้ อยู่ที่ระดับ 2.05 เท่า สะท้อนถึงความสามารถในการขอกู้ยืมสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้อีกมากหากบริษัทฯ มีความต้องการ หรือจำเป็นต้องใช้ในการลงทุนต่างๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยสถานการณ์ของตลาดเงินในปัจจุบันมีความผันผวนอย่างมาก การเตรียมความพร้อมและการมีสภาพคล่องที่ดีถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งด้วย

Back to top button