YONG แย้ม Q4 โตต่อเนื่อง หลังตุนแบ็กล็อก 521 ล้านบาท
YONG แย้มไตรมาส 4/66 โตต่อ ตุนแบ็กล็อกแน่น 521 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้กว่า 300 ล้านบาท พ่วงคว้างานเสาเข็มพร้อมตอก “พฤกษาฯ” ระยะเวลา 3 ปี (ปี 2567-2569) มั่นใจดันผลงานปีนี้เข้าเป้าตามแผน
นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ว่า บริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 33.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.48% เทียบไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 23.16 ล้านบาท โดยรายได้รวมไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 302.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 254.32 ล้านบาท
ขณะที่รายได้รวม 9 เดือน ปี 2566 อยู่ที่ 838 ล้านบาท โต 14.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 89 ล้านบาทเติบโต 29.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นมาจากผลิตภัณฑ์คอนกรีตงวด 9 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 655 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.90% และรายได้รับเหมาติดตั้งงวด 9 เดือนอยู่ที่ 178 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 60.37%
ทั้งนี้สัดส่วนยอดขายลูกค้าบริษัทมาจาก 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของยอดขาย อาทิ AP, QH,BRI,SVR,SENA เป็นต้น, 2.กลุ่มส่วนกลุ่มลูกค้าโครงการภาครัฐคิดเป้นสัดส่วนประมาณ 9% และ 3.กลุ่มผู้รับเหมาและลูกค้าทั่วไปสัดส่วน 51%
ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมจากปัจจัยเรื่องดอกเบี้ย ค่าแรงขั้นต่ำ ทางบริษัทยังเฝ้าติดตามต่อเนื่อง อาทิ การปรับอันตราดอกเบี้ยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.50% ถือว่าไม่สูง แต่ถือเป็นจิตวิทยาต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ทำให้เกิดการชะลอตัว และการเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่ออาจเป็นปัจจัยกดดัน แต่เท่าที่ติดตามการขายโครงการอสังหาฯขนาดใหญ่ยังเป็นไปตามเป้าหมาย คาดไม่น่ากระทบต่อยอดขายบริษัท
ส่วนเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำ350 บาท เป็น 400 บาท เบื้องต้นมีการจัดทำแผนรับมือไว้แล้ว และคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีกลุ่มค่าแรงรายวันไม่มาก อีกทั้งในกลุ่มค่าแรงรับเหมาจ้างตามความสำเร็จของงาน ซึ่งกลุ่มนี้จะได้ค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวบริษัทจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างดี
นอกจากนี้บริษัทยังได้รับความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทและการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการเป็นคู่ค้ากับบริษัทพฤกษามากว่า 10 ปี ล่าสุดบริษัทได้เซ็น MOU เพื่อส่งเสาเข็มพร้อมตอกเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2569 มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท โดยจะเปิดประมูล 6 เดือนครั้ง ตรงนี้สะท้อนความไว้วางใจการเป็นพาร์ตเนอร์ และการบริการรวมถึงมาตรฐานความถูกต้องของโรงงาน ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทยังได้ขยายผลิตภัณฑ์เสาเข็มใหญ่ขนาด 35-40 ซม. ทำให้บริษัทสามารถรองรับโครงการขนาดใหญ่ และปัจจุบันมีออเดอร์เข้ามาจำนวนมาก
โดยปัจจุบัน ณ 30 กันยายน 2566 บริษัทมีมูลค่างานรอส่งมอบลูกค้า(แบ็กล็อก) อยู่ที่ 521 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ตามส่วนงานผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตมูลค่า 356 ล้านบาท รับรู้รายได้ปี 2566 มูลค่า 286 ล้านบาท และรายได้รับเหมาติดตั้งโครงการสร้างสำเร็จรูปมูลค่า 165 ล้านบาท รับรู้รายได้ปี 2567 มูลค่า 235 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีแบ็กล็อกที่จะรอรับรู้รายได้ปีนี้เกือบ 300 ล้านบาท คาดดันผลงานทั้งปีนี้เข้าเป้าตามแผน