“คลัง” ไฟเขียวเกณฑ์กองทุน ESG ชูลงทุน 8 ปี ไม่เกิน 1 แสนบาท/ราย เริ่ม ธ.ค.66
“คลัง” ไฟเขียวเกณฑ์ตั้งกองทุน Thailand ESG Fund ชูลงทุน 8 ปี ไม่เกิน 1 แสนบาท/ราย เริ่ม ธ.ค.66 ลุ้น SET บ่ายดีดกลับ โบรกชี้เม็ดเงินระยะยาวไหลเข้าทันทีราว 1.5 หมื่นล้านบาท ชู 10 หุ้นเด่นเป้ากองทุนเข้าเก็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(14 พ.ย.) กระทรวงการคลังหารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองทุน Thailand ESG Fund กำหนดระยะเวลาลงทุน 8 ปีเต็ม วงเงินลงทุนไม่เกิน 100,000 บาท/ราย โดยจะเริ่มภายในเดือน ธ.ค.นี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ข้อสรุปอนุมัติกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ ภายใต้ชื่อ “กองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน” หรือ Thailand ESG Fund (TESG) โดยเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ที่มีการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG กำหนดระยะเวลาการลงทุนในกองทุน TESG ต้องครบ 8 ปีเต็ม (10 ปีปฏิทิน) วงเงินลงทุนของนักลงทุนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท/ราย ซึ่งเป็นวงเงินเพิ่มเติมจากการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอื่น ๆ ที่ภาครัฐให้สิทธิภายใต้วงเงินรวมไม่เกิน 500,000 บาท/ราย
สำหรับวัตถุประสงค์ของกองทุน TESG เพื่อต้องการให้มีการออมผ่านการลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น และสนับสนุนบริษัทในประเทศที่มีการดำเนินงานตามหลัก ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม ประเทศ และนักลงทุน ซึ่งกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะเร่งการดำเนินงานผลักดันกองทุน TESG ออกมา โดยให้เปิดเสนอขายให้กัผู้ลงทุนได้ภายในต้นเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุน TESG และนำมาลดหย่อนภาษีงวดปี 66 ได้ทันที
นายลวรณ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้ ในการเตรียมความพร้อม ก.ล.ต.จะวางกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของการจัดตั้งและการลงทุนกองทุน TESG ให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน และหลังจากนั้นจะยื่นให้คณะกรรมการกฎษฎีกา ตีความเกี่ยวกับกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติภายในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ประเมินว่าการให้สิทธิลดหย่อนภาษีของกองทุน TESG จะทำให้กระทรวงการคลัง สูญเสียรายได้จากการจัดเก๊บภาษีไปเฉลี่ยใกล้เคียงกับการให้สิทธิลดหย่อนภาษีของกองทุน LTF เฉลี่ย 1 หมื่นล้านบาท/ปี แต่จะเป็นการสนับสนุนให้คนไทยมีการออมผ่านตลาดทุนมากขึ้น และส่งเสริมธุรกิจที่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG
ส่วนกองทุน SSF ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการให้สิทธิลดหย่อนภาษีในสิ้นปี 67 จะมีการนำเรื่องการปรับปรุงกองทุน SSF ในการให้สิทธิลดหย่อนภาษีและระยะเวลาในการลงทุนกองทุน SSF มาทบทวนอีกครั้งภายในปี 67
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุน TESG เป็นกองทุนที่สร้างทางเลือกในการออมให้กับคนในประเทศ โดยเฉพาะคนที่สนใจออมผ่านตลาดทุน และมองหาการลงทุนในธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG ที่เดินหน้าผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุนได้
โดยกองทุน TESG จะจำกัดให้ลงทุนเฉพาะบริษัทในประเทศไทยเท่านั้น เพราะต้องการส่งเสริมให้บริษัทไทยให้ความสำคัญในเรื่อง ESG ซึ่งเป็นการได้เงินสนับสนุนในการขับเคลื่อนและพัฒนาธุรกิจตามหลัก ESG อย่างแท้จริง ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย
สำหรับกองทุน TESG ถือว่าเริ่มการดำเนินการจัดตั้งและเสนอขายให้กับผู้ลงทุนในระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด เบื้องต้นประเมินว่าจะมีเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนในกองทุน TESG ในปีแรกราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อประเมินความสนใจในกองทุน TESG จากผู้ลงทุน ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่เข้าเกณฑ์ ESG ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจำนวน 210 บริษัท จากกว่า 800 บริษัท
นอกจากนี้ ยังเตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง ในการทบทวนกองทุน SSF ที่จะครบกำหนดในสิ้นปี 67 ซึ่งจะขอประเมินกองทุน TESG ก่อนว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน และจะนำมาพิจารณาศึกษาในการหาข้อสรุปทบทวนกองทุน SSF เพิ่มเติม และยังมีการนำเสนอแนวคิดกองทุนอื่นๆเพิ่มเติม เช่น กองทุนการออมเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา รวมถึงการกำกับดูแลตลาดทุนให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หลังจากเกิดเหตุการณ์ของ บมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE) และ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ที่สร้างความเสียหายให้กับผู้ลงทุน ทั้งนี้ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมา และการที่ตลาดทุนจะทำเพื่อสังคม เป็นต้น
“บริษัทในลิส ESG มี 200 บริษัท ก็เป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่มีพอสมควร กองทุนนี้ ที่ลงทุนไปเป็นการสนับสนุนบริษัทที่ไม่ใหญ่มากนัก ให้เขาขับเคลื่อน ESG มากขึ้น และเป็นตัวอย่างให้บริษัทอื่น ๆ ได้ทำตามอย่างจริงจัง ในอนาคตอาจมีบริษัทอื่นเข้าเกณฑ์ ESG มากขึ้น ใน 800 บริษัทที่อยู่ในตลาด และเป็นไปตามที่นายกฯ และรัฐบาลต้องการให้ช่วยคนตัวเล็กมากขึ้น” นายกอบศักดิ์ กล่าว
ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุวันนี้ ว่า จากกรณีคลังเคาะเกณฑ์ Thailand ESG Fund นำเงินไปหักลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท/ราย โดยเริ่ม ธ.ค.66 สำหรับผู้ลงทุน 8 ปี โดยมองระยะสั้นจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2566 เพราะเดือนธ.ค.นี้ จะมีเม็ดเงินระยะยาวเข้ามาทันที โดยคาดหวังเม็ดเงินไหลเข้าราว 1.1-1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2568 คาดมาตรการอาจจะมีออกมาเพิ่มเติมมากกว่านี้
ทั้งนี้กลยุทธ์โดยรวมมองยังคงมุมภาพบวกต่อ SET Index ในระยะกลางถึงยาว จาก “Long Term Fund” คาดหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SET ESG Index จะน่าสนใจขึ้น และมีโอกาสถูก Active Fund ในประเทศดึงสถานะกลับก่อน เน้นในกลุ่ม
1) ราคาลงแรงกว่า THAIESG Index ลดลง 14% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน
2) ถูก Short sales บนกระดานหลัก+NVDR ตั้งแต่จุดสูง 30 ส.ค. 2566-ปัจจุบัน มีสัดส่วน % Short Sales Volume (+ NVDR) มากกว่า 8% ของมูลค่าซื้อขายรายตัว โดยหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่น่าจะเป็นเป้าหมายกองทุนเน้น CPALL, GULF, CRC, GPSC, PTTGC, IVL, SCGP, OR, CBG, HMPRO