PTG ส่งซิก Q4 ยอดขายน้ำมันพุ่ง หนุนทั้งปีโต 15% เร่งรุกธุรกิจ Non-Oil ต่อเนื่อง

PTG ส่งซิกไตรมาส 4/66 สุดแจ่ม! รับยอดขายน้ำมันพุ่ง-ค่าการตลาดน้ำมันฟื้นตัว ฟาก“พิทักษ์ รัชกิจประการ” มั่นใจธุรกิจก๊าซ LPG และกาแฟพันธุ์ไทยเติบโต จากยอดสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้ารุก Non-Oil ต่อเนื่อง หลังโชว์ไตรมาส 3/66 รายได้ 47,458 ล้านบาท


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 คาดว่ายอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจน้ำมันอีกทั้งเป็นฤดูกาลของการเดินทางท่องเที่ยวและเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้มีปริมาณความต้องการใช้กลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้มีปริมาณขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นประกอบกับค่าการตลาดน้ำมันที่มีการฟื้นตัว ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร

ขณะที่ธุรกิจก๊าซ LPG และกาแฟพันธุ์ไทยคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายสาขาเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และการกลับมาใช้ซ้ำอย่างต่อเนื่องของสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus ปัจจุบันมีมากกว่า 20 ล้านสมาชิกและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงธุรกิจพลังงานทางเลือก อาทิ จุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อครอบคลุมเส้นทางในกรุงเทพฯ และเส้นทางหลักทั่วประเทศมากขึ้น

สำหรับภาพรวมบริษัทยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายน้ำมันทั้งปีไว้ที่ระดับ 10-15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ภายหลังจากการคลี่คลายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมไปถึงการประกาศใช้นโยบายฟรีวีซ่าของภาครัฐ

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการขยายจำนวนและปรับปรุงสถานีบริการเข้าในพื้นที่ที่มีศักยภาพ รวมถึงมีการเข้าใช้บริการซ้ำของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงวางเป้าการขยายสถานีบริการไว้เท่าเดิมคือจำนวน 2,206 สถานีบริการในปี 2566 คาดว่าธุรกิจ Non-Oil ปีนี้จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว และวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้  Non-Oil ไว้ที่ 50-60% ถือว่ายังอยู่ในระดับสูงขณะที่สัดส่วนกำไรขั้นต้นยังคงเดิมที่ระดับ 20-30%

“โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ จากการเติบโตของทุกธุรกิจน้ำมันและก๊าซ บริษัทคาดว่ายอดขายจะมีการเติบโตนิวไฮต่อเนื่อง ขณะที่ได้รับปัจจัยบวกจากฤดูกาลของการท่องเที่ยว และค่าการตลาดน้ำมันที่ฟื้นตัว นอกจากนั้นบริษัทยังเดินหน้าปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันเดิม และเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่เพิ่มเป็น 2,206 สถานีบริการ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันถึง 4 ไตรมาส ส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่ายอดขายน้ำมันปี 2566 จะเติบโต 10-15% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และดันมาร์เก็ตแชร์ทะลุ 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 19.2% ในไตรมาส 3/2566” นายพิทักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสาขาภายใต้ธุรกิจ Non-Oil ทั้งสิ้น 1,892 Touchpoints (เพิ่มขึ้น 366 Touchpoints จากต้น) ซึ่งแบ่งเป็นธุรกิจ LPG  539 Touchpoints, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 756  สาขา, ร้านกาแฟคอฟฟีเวิลด์ 24 สาขา, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart 334 สาขา, ศูนย์ซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs 59 สาขา, จุดพักรถ Max Camp 78 Touchpoints, จุดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Maxnitron 56 Touchpoints และจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max 46 จุดชาร์จ

โดยในส่วนของธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยคาดว่าจะขยายเพิ่มเป็น 900 สาขาภายในสิ้นปี 2566 แม้จะขยายน้อยกว่าเป้าหมาย ในส่วนของบริษัทคาดว่ากาแฟพันธุ์ไทยยังคงมีการเติบโตในยอดขายอย่างมีสาระสำคัญ โดยงวด 9 เดือนแรกปี 2566 เติบโตได้ถึง 58.6% ขณะที่ธุรกิจก๊าซ LPG ยังคงสร้างการเติบโตจากปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ที่สูงเป็นประวัติการณ์และมียอดขายเกิน 100 ล้านลิตรถึง 8 ไตรมาสติดต่อกัน และบริษัทมองว่าจะยังสามารถสร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปีคาดว่าเป้าหมายการเติบโตของยอดขายทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 30-40% เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน

อีกทั้งศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs ปัจจุบันมีจำนวน  59 สาขาเพิ่มขึ้น 14 สาขาจากต้นปี 2566 และยังคงมีรายได้ที่เติบโตอย่างเป็นสาระสำคัญจากการออกแคมเปญการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าตามฤดูกาล ส่วนแผนขยายสาขายังคงมีอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะมีจำนวนสาขาครอบคลุมเป็นอันดับ 2 ในพื้นที่กรุงเทพภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะเพื่อชุมชนอำเภอบ้านพรุ จังหวัดสงขลา ขณะนี้ได้รับสัญญาซื้อขายไฟเรียบร้อยแล้วและอยู่ในช่วงเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างคาดว่าอีกจะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับบริษัทในปี 2568 และในอนาคตบริษัทเตรียมลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกมากขึ้น

โดยเห็นได้จากการเติบโตของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากยอดสะสมยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมีจำนวนกว่า 57,000 คัน (เพิ่มขึ้นกว่า 500% เทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า) บริษัทจึงเล็งเห็นความสำคัญในกลุ่มผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมากและได้ขยายจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max ร่วมกับ กฟผ.อย่างต่อเนื่องคาดว่าในปีนี้จะมี 62 จุดชาร์จเพื่อครอบคลุมเส้นทางหลักทั่วประเทศ

ขณะที่ในส่วนของผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 47,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิ 424 ล้านบาท รวมไปถึงรายได้จากการขายและบริการจำนวน 149,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน

โดยปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน เป็น 139,360 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน 9 เดือนแรกผ่านทุกช่องทางเติบโต 12.9%  เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนเป็น 4,414 ล้านลิตร ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 52% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน  เป็น 9,926 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามการเติบโตหลัก ๆ มาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้จำนวน 6,117 ล้านบาท เติบโต 55.5 % เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนจากปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องที่จำนวน 466 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 30.2% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน และสำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 58.6% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนจากการขยายสาขาต่อเนื่อง ประกอบกับการเติบโตของสาขาเดิมและการกลับเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus

สุดท้ายนี้บริษัทยังคงตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม เพื่อขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนในทุกมิติเห็นได้จากการดำเนินโครงการต่างๆ ด้วยเจตนารมณ์ในการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงการรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน เพื่อหวังเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิต

Back to top button