IVL รายได้ธุรกิจ PET-Fibers ลดฮวบ กดกำไรไตรมาส 3 เหลือ 200 ล้าน
IVL เผยธุรกิจ PET-Fibers อ่อนตัวทำจุดต่ำสุด ฉุดกำไรไตรมาส 3 ลดเหลือ 200 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนกำไรลด 96% มาที่ 1.6 พันล้านบาท
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 บริษัทที่มีเสถียรภาพจากการที่ฝ่ายบริหารให้ความสำคัญกับการรักษากระแสเงินสด และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันเพื่อกระตุ้นผลการดำเนินงานในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ที่ยังคงอ่อนตัวทั่วโลก
โดยบริษัทมี EBITDA เท่ากับ 324 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ปี 66 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลงร้อยละ 37 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะชะงักงันในตลาดโลกอย่างต่อเนื่องภายหลังการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ ปริมาณการขายลดลงร้อยละ 5 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.6 ล้านตัน เนื่องจากการฟื้นตัวของประเทศจีนหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยืดเยื้อกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการขยายระยะเวลาในการระบายสต๊อกในภาคการผลิตและอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ที่ยังคงปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติจากระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารยังคงให้ความสำคัญกับการรักษากระแสเงินสด ตระหนักถึงการพัฒนาประสิทธิผล และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในฐานการผลิตของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มผลกำไร ความพยายามเหล่านี้ส่งผลให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกเท่ากับ 410 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสดังกล่าว โดยมีกระแสเงินสดอิสระเป็นบวกจำนวน 79 ล้านเหรียญสหรัฐนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน และเพียงพอสำหรับการลดเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงอันดับเครดิตที่ระดับ AA- พร้อมคงแนวโน้มอันดับเครดิตคงที่จากทริสเรทติ้งในไตรมาสนี้
โดยบริษัทฯ คาดว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้นในปี 67 ด้วยสถานการณ์ระบายสต็อกสินค้าของลูกค้าปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทั้งสามกลุ่มธุรกิจของอินโดรามา เวนเจอร์ส นอกจากนี้ การเร่งโครงการขยายของกลุ่มธุรกิจ PET และกลุ่มธุรกิจ Fibers ในประเทศอินเดียและสหรัฐอเมริกา จะส่งผลให้ปริมาณการขายในปี 67 เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
กลุ่มธุรกิจ Combined PET มี EBITDA เท่ากับ 146 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ท่ามกลางอัตรากำไร PET ที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นในตลาดตะวันตก และผลกระทบที่ยืดเยื้อจากการระบายสต๊อกสินค้า สำหรับกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) มี EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เท่ากับ 119 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส โดยได้รับแรงหนุนจากอัตรากำไร MTBE ที่แข็งแกร่งในธุรกิจ Integrated Intermediates
ส่วนความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Integrated Downstream ได้รับผลกระทบมาจากการระบายสต็อกสินค้า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และแรงกดดันด้านกำไรจากการนำเข้า ส่วนกลุ่มธุรกิจ Fibers มี EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 140 เท่ากับ 48 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เนื่องจากปริมาณการขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์เพิ่มขึ้นในตลาดสำคัญในแถบเอเชีย และในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mobility รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hygiene ซึ่งได้รับประโยชน์จากการที่ฝ่ายบริหารให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการปรับโฟกัสขององค์กร
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท IVL กล่าวว่า ด้วยสภาพแวดล้อมที่ท้าท้ายต่อการดำเนินธุรกิจยังคงสงผลต่ออุตสาหกรรมของเรา การฟื้นตัวของรายได้ของเราจะมาจากการที่เรามุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและสร้างกระแสเงินสดอิสระที่เป็นบวก คาดว่าจะมีกำไรที่เพิ่มขึ้นในปี 67 ท่ามกลางตลาดที่ค่อยๆ ฟื้นตัว เนื่องจากสถานการณ์ระบายสต๊อกสินค้าปรับตัวดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจของ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีน ที่เริ่มส่งผลเชิงบวกต่อตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ บริษัทยังคงสานต่อการดำเนินงานเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) และโครงการอีกหลากหลายเพื่อปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของ ซึ่งรวมถึงความสำเร็จในการเริ่มใช้งานระบบบริหารทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP) ที่ตอนนี้ครอบคลุมร้อยละ 80 ของรายได้ และความสำเร็จในการรีไซเคิลขวด PET ครบ 10,000 ล้านขวดนับตั้งแต่ปี 54