CHG รายได้ผู้ป่วย-ประกันสังคมพุ่ง ดันกำไร Q3 โต 26% แตะ 326 ล้าน
CHG โชว์กำไรไตรมาส 3/66 แตะ 326 ล้านบาท โต 26% จากปีก่อนมีกำไร 258 ล้านบาท รับรายได้ผู้ป่วย-ประกันสังคมพุ่ง ขณะที่งวด 9 เดือนแรกกำไรลดลง 69%
บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 66 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ดังนี้
สำหรับ CHG รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 325.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.03% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 258.47 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวม 2,169.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,100.1 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล รับรายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้น 148.8 ล้านบาท กลับเข้ามาใช้บริการในสถานพยาบาลของผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ
รายได้โครงการประกันสังคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น การปรับอัตราการจ่ายสำหรับค่าเหมาหัว (มีผลในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566) การกลับมารักษาของผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูง
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 772.20 ล้านบาท ลดลง 69.03% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 2,493.11 ล้านบาท
แพทย์หญิง ชุติมา ปิ่นเจริญ รองประธานกรรมการบริหาร CHG เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 2,092.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565 ที่มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 2,026.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 325.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบไตรมาส 3/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 258.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้น แบ่งเป็น รายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป เพิ่มขึ้น 8% โดยมาจากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งมีทั้งผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติที่กลับเข้ามาใช้บริการในสถานพยาบาลมากขึ้น ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น 148.8 ล้านบาท ส่วนรายได้โครงการประกันสังคม เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 3/2565 ตามจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น ตามการปรับอัตราการจ่ายสำหรับค่าเหมาหัว (มีผลเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566) และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท จากการรับจ้างบริหารงานให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 5,607.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 772.2 ล้านบาท
“ไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้ที่เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จากการปรับการบริการกลับเข้าสู่ฐานเดิมก่อนสถานการณ์โควิด-19 การขยายขอบเขตให้บริการของโรงพยาบาล แห่งใหม่ การเข้าซื้อกิจการดูแลผู้สูงอายุจากช่วงปลายไตรมาสก่อนหน้าที่ผ่านมา รวมถึงการขยายการให้บริการและเพิ่มศักยภาพการรักษาของสถานพยาบาลเดิม ส่งผลให้ทั้งผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง” แพทย์หญิง ชุติมา กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 และไตรมาส 3/2562 ก่อนการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 พบว่าไตรมาส 3/2566 มีผลการดำเนินงานดีกว่า โดยโรงพยาบาลมีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล เติบโต 46% แบ่งเป็นรายได้จากผู้ป่วยทั่วไป เติบโต 62% รายได้โครงการประกันสังคม เติบโต 32%
ส่วนงวด 9 เดือนปี 2566 และ ปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เช่นกัน โรงพยาบาลมีรายได้ในงวด 9 เดือนปี 2566 จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล เติบโต 46% รายได้จากผู้ป่วยทั่วไปเติบโต 56% และรายได้โครงการประกันสังคม เติบโต 45%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2566 คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานมีทิศทางที่สดใส จากผลการดำเนินงานจากโครงการต่างๆ ทั้งการรับรู้รายได้จากการเบิกจ่ายประกันสังคมที่เข้ามาเพิ่มเติม การเปิดให้บริการโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด อินเตอร์ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง ที่เปิดให้บริการในเฟสแรก จำนวน 59 เตียง ซึ่งมีศักยภาพในการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดแบบครบวงจรแห่งแรกในพื้นที่แม่สอด รองรับการให้บริการกับกลุ่มผู้ป่วยทั้งคนไทยในพื้นที่ พื้นที่ใกล้เคียง และชาวต่างชาติ ตลอดจนการได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์ Chularat Medical Center (ศูนย์มะเร็งครบวงจรแห่งแรกในจังหวัดสมุทรปราการ, ศูนย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์, ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง, ศูนย์รักษาแผลเรื้อรัง, ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง) ที่เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาภายหลังเปิดให้บริการ นับเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต
“แนวโน้มผลประกอบการช่วงโค้งสุดท้ายปี ที่สดใส ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมทั้งปี 2566 จะมีรายได้ตามเป้าหมาย 8,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน (ไม่รวมรายได้จาก Covid-19) อีกทั้ง มีแผนขยายธุรกิจรองรับให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน” แพทย์หญิง ชุติมา กล่าว