เจ้าหนี้ JKN ร้องเลขาก.ล.ต. สอบลึก “แอน จักรพงษ์” ส่อทุจริต-บอร์ดลาออกแล้ว 5 ราย

เลขาก.ล.ต. เร่งตรวจสอบนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ (แอน) ซีอีโอ JKN หลังเจ้าหนี้ร้องเรียน หวั่นเข้าข่ายทุจริต หลังบอร์ดลาออกแล้ว 5 ราย เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับนักลงทุน


เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องด้วย บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ JKN เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีหน้าที่ดูแลให้บริษัทฯ และกรรมการบริษัทฯคำเนินธุรกิจภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ปี พ.ศ. 2535

ก่อนหน้านี้ JKN มีธุรกิจด้านสื่อ และคอนเทนต์คุณภาพมากมาย อาทิ ช่องโทรทัศน์ JKN18, การนำเข้าสื่อและคอนเทนต์ต่าง ๆ รวมไปถึงธุรกิจสุขภาพความงาม, ธุรกิจเครื่องดื่ม และล่าสุดบริษัท JKN ก็ได้ดำเนินธุรกิจการบริหารจัดการลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล หรือ Miss Universe ซึ่งมีมูลค่าลิขสิทธิ์นี้สูงถึง 800 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัท JKN ยังได้มีการร่วมทุนกับ บริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มิเดีย จำกัด เพื่อช่วยในการผลิตรายการข่าว ซึ่งการร่วมลงทุนนี้ก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ามีการร่วมทุนมีมูลค่าเท่าไหร่

โดยบริษัทฯ ลงบัญชีในรูปแบบสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน ทำให้กระแสเงินสดในบริษัทรวมทั้งเงินกู้จะถูกนำไปลงทุนอย่างต่อเนื่องจนขาดสภาพคล่อง ซึ่งในแต่ละบริษัทมีงบกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน ดังนี้

สำหรับในปี 2562 ใช้เงินลงทุน 974 ล้านบาท รายได้ 1,711 ล้านบาท กำไร 253 ล้านบาท ถัดมาในปี 2563 ใช้เงินลงทุน 2,020 ล้านบาท รายได้ 1,683 ล้านบาท กำไร 312 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 ใช้เงินลงทุน 2,259 ล้านบาท รายได้ 1,806 ล้านบาท กำไร 179 ล้านบาท ส่วนปี 2565 ใช้เงินลงทุน 2,847 ล้านบาท 2,670 ล้นบาท กำไร 608 ล้านบาท และงวด 6 เดือน ของปี 2566 ใช้เงินลงทุน 1,589 ล้านบาท 6 เดือน ปี 2566 รายได้ 1,500 ล้านบาท กำไร 121 ล้านบาท

ขณะที่ปัจจุบัน บริษัท JKN มีหุ้นกู้ที่รอไถ่ถอนทั้งหมด 7 รุ่น มูลค่ารวม 3,212.15 ล้านบาท ได้แก่

โดยวันที่ 1 กันยายน 2566 JKN ไม่สามารถจ่ายคืนหนี้หุ้นกู้ รุ่น JKN239A ที่ครบกำหนดชำระ มูลค่า 609,98 ล้านบาท แต่ได้ชำระเงินบางส่วนแล้ว 156.6 ล้านบาท ทำให้ยังคงเหลือส่วนที่ไม่ได้ชำระอีกกว่า 451.95 ล้านบาท และมีการขอมติผ่อนผันจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อป้องกันปัญหาผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่นอื่น ๆ ที่จะครบกำหนดในปี 2567 และ 2568 โดยมีข้อเสนอดังนี้

  1. บริษัทเสนอให้ขยายเวลาจากวันที่ 1 ก.ย. 66 เป็นวันที่ 23 ก.พ. 67
  2. บริษัทมีแผนจะชำระคืนเงินต้นบางส่วน พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 19.5 ล้นบาท ภายใน 15 ธ.ค. 66 ทำให้ยังคงเหลืออีก 432.45 ล้านบาท ที่จะต้องชำระภายใน 23 ก.พ.67
  3. เสนอปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ดังกล่าวในอัตรา 0.0% ต่อปี รวมเป็น 7.00% ต่อปี

สำหรับเงื่อนไขดังกล่าว ได้ผ่านมติประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A ที่จัดขึ้นใน วันที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 14:00 น. ด้วยวิธีกรประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีมติอนุมัติขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ โดยไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด หลังจากนั้นได้มีการขอเลื่อนนัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 6 รุ่นที่เหลือจากวันที่ 26 ตุลาคม 2566 เป็นวันที่ 8 ธันวาคม 2566

ขณะที่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) JKN เปิดเผยกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2566 เมื่อวันที่ 7พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทในฐานะลูกหนี้ขึ้นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และเสนอสู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ภายได้พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 (รวมที่แก้ไขเพิ่มเดิม) โดยในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทเรียบร้อยแล้ว

จากข้อมูลที่กล่าวมา ส่งผลให้เกิดประเด็นที่น่าสงสัยและต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกในประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้

  1. การลงทุนโดยเฉพาะการซื้อขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศ และธุรกิจประกวดนางงามในต่างประเทศ ทำให้ JKN จำเป็นจะต้องจ่ายต้นทุนค่าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างๆ โดยมีการแจ้งสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนสูงถึง 7,728.85 ล้านบาท มูลค่าลูกหนี้การค้าสูงถึง 2,307.01 ล้นบาท จากรายงานการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนที่มีอยู่จริงหรือไม่ ราคาซื้อขายต่างๆ เป็นราคายุติธรรมหรือไม่ และมีการได้รับเงินทอนจากการซื้อขายหรือไม่ โดยทางบริษัทเองมิได้มีการสำรองเงินเพื่อชำระหนี้กับเจ้าหนี้ จนเป็นเหตุให้บริษัทขาดสภาพคล่องในการชำระหนี้ ทำให้มีความน่าสงสัยในการดำเนินธุรกิจ

  1. ในการร่วมลงทุนกับบริษัทท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย จำกัด นั้น ไม่มีการชี้แจงว่าเงินลงทุนจำนวนนี้อยู่ที่ไหน เหตุใดบริษัทจึงไม่นำมาชำระหนี้สินให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้
  2. หลังจากที่มีเหตุการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท JKN แต่การดำรงชีวิต และ Lifestyle ที่ทางนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ CEO ของบริษัท ที่นำเสนอต่อสื่อต่างๆ กลับพบว่า มีทรัพย์สินส่วนตัวมากมาย ใช้ชีวิตหรูหรา ซึ่งทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นการโอนทรัพย์สินของบริษัทไปเป็นส่วนตัวและเครือญาติหรือไม่

ล่าสุด ทางผู้ถือหุ้นกู้จึงขอให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต) คำเนินการ ดังต่อไปนี้

ขอให้มีการตรวจสอบข้อมูลงบการเงินและเส้นทางการเงินของบริษัทรวมทั้งกรรมการผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นกรณีพิเศษ (special audit) เนื่องจากพบว่าสถานะทางการเงินของบริษัทมิได้อยู่ในกาวะหนี้สินล้นพ้นตัว บริษัทยังมีสินทรัพย์และลูกหนี้ค้างจ่ายจำนวนมากรวมทั้งมีการขยายธุรกิจการลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศอาทิ สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดกรณีอาศัยประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมายซ้ำ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ให้ ก.ล.ต.พิจารณาการทำ special audit เป็นข้อบังคับของบริษัทจดทะเบียนในหลักทรัพย์ที่ต้องยื่นต่อ ก.ล.ต.ก่อนเข้าสู่กระบวนฟื้นฟูหรือล้มละลายทางธุรกิจต่อไป

ขอให้พิจารณามีการอายัดทรัพย์สินของบริษัทและกรรมการที่เกี่ยวข้อง และห้ามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเดินทางออกราชอาณาจักรจนกว่าจะพิจารณาคดีแล้วเสร็จ เนื่องจากพบว่ามีการโยกย้ายนำเงินจำนวนมากไปลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ ทำให้ยากต่อการติดตามข้อมูลทางการเงิน

ขอให้ทางก.ล.ต. แจ้งผู้แทนหุ้นรู้ดำเนินการยื่นกัดด้านแผนฟื้นฟูกิจการโดยเร่งด่วน เพื่อมิให้เกิดเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ชอบธรรมและทำลายความเชื่อมั่นในการลงทุนอย่างร้ายแรง การยื่นแผนฟื้นฟูของบริษัท ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบ เนื่องจากมิได้แสดงความจำนงค์กับตัวเทนผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทราบถึงแนวทางการปฏิบัตินี้ แต่เป็นการแสดงความจงใจที่จะอาศัยช่องว่างทางกฎหมายเพื่อให้เกิดกาวะ automatic say หรือเกิดภาวะการพักชำระหนี้อัดโนมัติ ซึ่งการกระทำนี้ไม่เหมือนกับที่นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ CEO ของบริษัท ได้แสดงความจำนงค์ไว้ตามแผนที่ขอผ่อนผันชำระหนี้ในหุ้นกู้ รุ่น JKN239A ทั้งเป็นการหลีกเสี่ยงที่จะชำระดอกเบี้ยในหุ้นกู้ชุดอื่นๆ ที่เหลือตามกำหนด ในเดือนพฤศจิกายน 2566

ดังนั้น บริษัทมีภาระที่ต้องจ่ายชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 4 รุ่นจำนวนรวม 31.19 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน จากการที่ศาลได้รับคำร้องในวันที่ 9 ทำให้เกิดการพักชำระหนี้สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากทำให้ผู้ถือหุ้นกู้ ไม่ได้รับชำระดอกเบี้ยตามกำหนด ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือว่าไม่สุจริตและผิดต่อจริยธรรมและธรรมาภิบาลต่อการดำเนินธุรกิจของตัวบริษัท JKN เอง และผู้บริหารรวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทอีกด้วย

เพื่อเป็นกฎเกณฑ์ในการดูแลนักลงทุน จึงขอทางก.ล.ต. กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในกรณีที่บริษัทจดทะเบียนเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากตอนลงทุน ไม่มีในเอกสารชี้ชวนระบุว่า กรณีเข้าสู่กระบวนการยื่นขอฟื้นฟูกิจการหน้าที่ผู้แทนเป็นอันสิ้นสุด ดังนั้นไม่ยุติธรรมมากหากจะทอดทิ้ง นักลงทุนตู้แทนต้องทำหน้าที่รวมเสียง ยื่นขอรับชำระหนี้จ้างทนาย(โดยหักค่าใช้จ่ายภายหลัง) มอบอำนาจกระทำการแทนนักลงทุนเพื่อประโยชน์กับนักลงทุนที่ระบุไว้ตามข้อกำหนดสิทธิ์

ขอให้ก.ล.ต. เร่งให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มีการเรียกชำระหนี้หุ้นกู้ทั่งหมดโดยพลันภายใน 30 วัน เนื่องจากการผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวทำให้เกิด Default Payment หุ้นกู้ทุกรุ่นของบริษัท JKN เนื่องจากการเข้าสู่ขบวนการฟื้นฟูของบริษัท JKN เกิดขึ้น โดยมิชอบและไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ทั้งนี้ ทางผู้ถือหุ้นกู้จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ทางก.ล.ต. ดำเนินการตามคำร้องข้างต้นโดยเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆ กับนักลงทุนที่ลงทุนอย่างสุจริต ต้องมาสูญเสียทรัพย์สินที่เกิดจากการบริหารผิดพลาดหรือกระทำที่ทุจริตของกรรมการบริษัท และการผิดธรรมาภิบาลของบริษัท เหมือนที่เกิดความเสียหายกับหุ้นกู้หลายตัวที่แล้วมา

Back to top button