กลุ่มนิคมฯ ท็อปฟอร์ม อวดกำไร Q3 แกร่ง! PIN โตสนั่น 23 เท่าตัว

PIN-ROJNA-WHA-AMATA เผยงบไตรมาส 3/66 พ่วงงวด 9 เดือนแรกกวาดกำไรกระฉูด ฟากโบรกฯ คงแนะ “ซื้อ” WHA-AMATA แนวโน้มไตรมาส 4/66 ผลงานเติบโตต่อเนื่อง ดันทั้งปี 66 แข็งแกร่ง


กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมประกาศงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566) ออกมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน โดยมีการขายที่ดินและการโอนที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าต่างประเทศเข้ามาลงทุน หลังจากรัฐบาลเดินหน้าสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และภาคอุตสาหกรรมเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

สำหรับบริษัทโชว์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2566 และงวด 9 เดือนแรกเติบโตแข็งแกร่ง อาทิ PIN, ROJNA, WHA และ AMATA

บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่361.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,388.84 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14.52 ล้านบาท  ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิ 677.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 518.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 109.43 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งสอดคล้องกับยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณการโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการย้ายฐานการ ผลิตจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการเข้ามาลงทุนในประเทศของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความสามารถในการปรับราคาขายที่ดินต่อไร่เพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นของราคาประเมินที่ดิน ในขณะที่รายได้จากธุรกิจอื่นก็เติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน ประกอบกับการลดลงของต้นทุนทางการเงิน ตลอดจนความสามารถของบริษัทฯ ในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 267.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 458.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 47.95 ล้านบาท  ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิ 315.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 280.75 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากมีลูกค้าที่ถึงกำหนดชำระเงินงวดสุดท้ายและโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ภายในโครงการชลบุรี

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 622.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 258.56 ล้านบาท  ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิ 2,011.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,204.27 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจที่ดินและการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่ 1,012.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของการโอนที่ดินในต่างประเทศ

ขณะเดียวกันรายได้จากการขายและให้บริการระบบสาธารณูปโภคสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่ 712.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของทั้งปริมาณการขายน้ำและราคาขายในประเทศ

นอกจากนี้ รายได้และส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจไฟฟ้าจากการดําเนินงาน สำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่ 503.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากโรงไฟฟ้า Gheco-1 ไม่มีการหยุดซ่อมบํารุงโรงไฟฟ้าเช่นเดียวกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 396.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 353.45 ล้านบาท  ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,201.69 ล้านบาท ลดลง 12.15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,555.73 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทฯมีการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯปรับตัวเพิ่มขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ระบุว่า ประเมินผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ของ WHA จะเติบโตจากปัจจัยฤดูกาลในการโอนที่ดินที่จะเร่งตัวขึ้นช่วงปลายไตรมาส 3/2566 โดยบริษัทยังคงน่าจะมีการขยายในส่วนของการขายที่ดิน การขายอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการขายและให้บริการระบบสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นตามสัดส่วยการขอและการโอนที่ดิน

นอกจากนี้ ในช่วงปลายไตรมาส 4/2566 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs เพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนรายได้จากรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจไฟฟ้าจากการดำเนินงาน (Revenue and Normalized Share ofProfit from Investments in Power Associates)

โดยปัจจุบัน WHA มีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย จำนวน 12 แห่ง ที่พร้อมรองรับความต้องการของนักลงทุน รวมถึงนิคมอุตสาหกรรม แห่งใหม่ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง เฟส 1 (1,100 ไร่) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยปัจจุบัน มีกลุ่มลูกค้าบางรายได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินหรือทำการจองไปแล้ว อาทิผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และ ผู้ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าภายในสิ้นปี 2566 จะมีลูกค้าลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินและทำการจองเป็นพื้นที่รวมกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ขายโครงการเฟส 1 ส่งผลให้ต้องเร่งดำเนินการพัฒนาเฟส 2 (1,100 ไร่) ในเร็วๆ นี้ อีกทั้งยังมีนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี 2 (2,400 ไร่) ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2569

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีก 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 เฟส 3 พื้นที่ 630 ไร่ นิคมอุตสาหกรรมที่ระยอง 36 พื้นที่ 480 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 เฟส 3พื้นที่ 330 ไร่ และยอด MOU รวม 430 ไร่ ซึ่งเป็นผลจากการเคลื่อนย้ายฐานทุนและเศรษฐกิจเวียดนามที่มีศักยภาพด้านการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

อีกทั้งปัจจุบัน ยังมีลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกหลายรายที่ได้ลงนามในสัญญาจองพื้นที่ดินรวมกว่า 150 ไร่ เพื่อตั้งโรงงานผลิตภายในพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ 1-เหงะอาน เฟส 2 นี้ด้วยเช่นกัน มีการกำหนดราคาเป้าหมายจาก PE ที่ 17.7 เท่า โดยวางเป้าหมายราคาไว้ที่ 5.80 บาท

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า โดยยังคงประเมิน AMATA ว่ากำไรปกติปี 2566 ที่ 2.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน  และเพิ่มขึ้นปี 2567 ที่ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน หนุนโดย 1) presale เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 1.6 พันไร่ จาก China relocation มาในไทย และเวียดนามมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม, 2) transfer เพิ่มเป็น 836 ไร่และ 1.1 พันไร่ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่ปี 2562 จาก backlog ที่เพิ่มขึ้นถึง 1.7 พันไร่

รวมทั้ง 4) ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการไฟฟ้าจะปรับตัวดีขึ้น ตามปริมาณการขายไฟ และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ทั้งนี้ยังไม่ได้รวม upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 จากการขายโรงงานสำเร็จรูป (RBF) ที่คงเหลืออีก 2 โรง ด้านผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 4/2566 คาดจะหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากฐาน transfer ที่สูง โดยเฉพาะนิคมชลบุรีที่มีราคาขายสูง และส่วนแบ่งกาไรธุรกิจไฟฟ้าที่ลดลง ตามการปรับลดค่า Ft ขณะที่กำไรปกติไตรมาส 4/2566 จะขยายตัวจากไตรมาสก่อน จากยอด transfer ที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติฤดูกาล ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท

Back to top button