JAS รับทรัพย์ 2.8 หมื่นล้าน! หลัง ADVANC ปิดดีลซื้อ “3BB-JASIF” เสร็จสมบูรณ์
AIS ปิดดีลซื้อ 3BB-JASIF เสร็จสมบูรณ์ หลังจ่ายให้ JAS ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ลดจาก 3.2 หมื่นล้านบาท ฟาก “บลจ.บัวหลวง” เร่งเจรจายืดหนี้ลดดอก BBL ส่วนแผนโอนสินทรัพย์เอไอเอสเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานยังไม่รีบ มี 2 ทางเลือก ลงกองเก่า JASIF หรือตั้งกองใหม่ของ AIS ด้านโบรกฯ ประเมินจัสมินมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ 2 บาทต่อหุ้น พร้อมให้ราคาเป้าหมาย ADVANC กว่า 257 บาท ส่วน JASIF เป้า 7 บาท หลังได้สปอนเซอร์ใหม่
นายมนตรี คงเครือพันธุ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 99.99% ได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB และ AIS ได้เข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เสร็จสมบูรณ์แล้ว เป็นผลให้ 3BB เป็นบริษัทย่อยของ AWN และ AIS เข้าถือหน่วยลงทุนใน JASIF ในสัดส่วน 19% เป็นที่เรียบร้อย โดยผลกระทบทางการเงินจากธุรกรรมซื้อหุ้นและหน่วยลงทุนนี้ จะปรากฏในงบการเงินไตรมาสที่ 4/2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ มูลค่าธุรกรรมซื้อหุ้นและหน่วยลงทุนมีการปรับจากมูลค่ารวม 32,420 ล้านบาท เป็น 28,371 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1)ปรับลดจากผลกระทบเชิงลบที่มีนัยสำคัญ (Material Adverse Change : MAC) จำนวน 3,000 ล้านบาท ออกจากมูลค่าธุรกรรมซื้อหุ้น 3BB 19,500 ล้านบาท จากการประเมินสถานะของธุรกิจ (Due Diligence) เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป และผลการดำเนินงานของ 3BB ที่ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันในธุรกิจบรอดแบนด์
2) หักเงินปันผลที่บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้รับจาก JASIF หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ธุรกรรมซื้อหุ้นและหน่วยลงทุนเสร็จสมบูรณ์ จำนวน 1,049 ล้านบาท ออกจากมูลค่าธุรกรรมซื้อหน่วยลงทุน JASIF จำนวน 12,920 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้เปิดเผยไว้ในสารสนเทศรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565
ล่าสุด แหล่งข่าวจากวงการสื่อสาร เปิดเผยว่า สำหรับแผนการโอนสินทรัพย์ของ AIS เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานนั้น ขณะนี้ยังมีทางเลือกอยู่ 2 แนวทาง คือ 1.โอนเข้ากองเดิม JASIF และ 2.โอนเข้ากองใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมา ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับอัตราค่าเช่าโครงข่ายโทรคมนาคมที่ต้องมาเจรจากัน รวมทั้งเงื่อนไขของระยะเวลาของกองทุน โดยกองทุนใหม่จะได้เปรียบในแง่ของสิทธิลดหย่อนทางภาษีกว่า 10 ปี ขณะที่กองทุนเดิมหมดสิทธิทางภาษีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้ เนื่องจากยังมีขั้นตอนการควบรวมกิจการอีกมากมาย ทั้งเรื่องของการเชื่อมโยงระบบไอที เครือข่ายเน็ตเวิร์ก (network) รวมทั้งสาขาที่ซ้ำซ้อนระหว่าง 3BB กับ AIS บรอดแบนด์ให้เสร็จสิ้นก่อน และต้องพิจารณาความจำเป็นของ ADVANC ที่จะใช้แหล่งเงินทุนอีกด้วย
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง Deputy Managing Director Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บัวหลวง จำกัด (BBLAM) ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทจัดการกองทุน JASIF ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเข้าหารือกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เพื่อขอให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาชำระหนี้ของสัญญาสินเชื่อ
เนื่องจากการเปลี่ยนผู้สนับสนุนหลักมาเป็นบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ซึ่งมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง ส่งผลให้ความเสี่ยงทางธุรกิจของกองทุนรวมลดลง เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อกองทุนรวมในการลดต้นทุนทางการเงินให้มีความเหมาะสมขึ้นและเพิ่มสภาพคล่องให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ทางธนาคารกรุงเทพได้มีการรับนัดหมายในการเข้าพบเพื่อหารือในประเด็นดังกล่าวแล้ว เพียงแต่รอกำหนดวันนัดพบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เนื่องจากการหารือร่วมกันครั้งนี้จะเป็นการหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารเป็นหลัก คาดว่าจะได้ข้อสรุปในประเด็นดังกล่าวภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม BBLAM ในฐานะบริษัทจัดการกองทุน JASIF พยายามเจรจากับทางธนาคารเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ต่ำสุด แม้ว่าผลการพิจารณาในรอบนี้จะปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาร่วมพิจารณาเพิ่มมากขึ้นก็ตาม โดยเฉพาะช่วงนี้อยู่ในช่วงดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเงื่อนไขขอลดดอกเบี้ยในช่วงการประชุมผู้ถือหน่วย JASIF ในการเปลี่ยนสปอนเซอร์ที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยปัจจุบันกับช่วงขอลดดอกเบี้ยฯ ช่วงแรกต่างกันกว่า 2% จึงไม่สามารถประเมินได้ว่าธนาคารกรุงเทพจะพิจารณาดอกเบี้ยในรอบนี้ออกมาอย่างไร
นายพรชลิต กล่าวอีกว่า หลังจากที่กองทุน JASIF มีการเปลี่ยนสปอนเซอร์ใหม่แล้ว โอกาสที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC มีแผนจะเพิ่มทุนโดยการนำสินทรัพย์ใหม่เข้ากองทุน JASIF หรือไม่นั้น ประเด็นดังกล่าวขึ้นอยู่กับทาง ADVANC มีแผนใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ซึ่ง BBLAM ยังไม่ได้พบกับสปอนเซอร์ใหม่ของกองทุน JASIF จำเป็นต้องพบกันก่อน
ทั้งนี้ หากทาง ADVANC จำเป็นต้องใช้เงินทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) มองว่าการนำสินทรัพย์ใหม่เข้าเพิ่มทุนในกองทุนเดิมดีกว่า การไปจัดตั้งกองทุนอินฟราฯ กองใหม่ค่อนข้างมาก เนื่องจากการตั้งกองใหม่ต้องใช้ระยะเวลา ประกอบกับในภาวะที่ดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ต้นทุนการจัดตั้งกองทุนใหม่อยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อผลตอบแทนเงินปันผลของกองทุนฯ อย่างไรก็ตามในประเด็นดังกล่าวขึ้นอยู่กับ ADVANC เป็นหลัก
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินที่ JAS ได้รับจากการขายหุ้นครั้งนี้ โดยเงินจำนวนนี้จะมีการนำไปใช้หนี้ให้กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ รวมกว่า 7.6 พันล้านบาท และจ่ายภาษีอีกกว่า 2.6 พันล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือจะนำไปจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บริหารของ JAS ว่าจะจ่ายปันผลออกมาทั้งหมด 100% หรือไม่ ทั้งนี้จากการประเมินเบื้องต้น JAS จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงถึง 2 บาทต่อหุ้น
สำหรับ JASIF หลังจากได้ AIS มาเป็นสปอนเซอร์ใหม่ ได้มีการปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 7 บาทต่อหุ้น ขณะที่ ADVANC จะได้มูลค่าเพิ่มจากการควบรวมกิจการ 3BB เพิ่มขึ้น 6-7 บาทต่อหุ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุ หลังธุรกรรมซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้น ADVANC ตั้งเป้ายกระดับธุรกิจ 3BB ให้มีกำไรภายใน 12-18 เดือน ผู้บริหารยังตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความซับซ้อนทางบัญชีในระยะสั้นจากรายงานทางบัญชีเกี่ยวกับการแก้ไขการเช่า และการขยายสัญญาเช่ากับ JASIF อย่างไรก็ตามไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกระแสเงินสด แนะนำ “ซื้อ” ADVANC ราคาเหมาะสม 257 บาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่าภายหลังกสทช.อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ 3BB ของ ADVANC ในวันที่ 10 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา โดย ADVANC จะกลายเป็นผู้ให้บริการ FBB อันดับ 1 ด้วยจำนวนสมาชิก 4.6 ล้านราย (ส่วนแบ่งตลาด 45%) ตามมาด้วยสมาชิก TRUE 3.8 ล้านราย (ส่วนแบ่งตลาด 37%)
โดยราคาเป้าหมายของ AIS จะเพิ่มขึ้นมาอีก 4 บาท เป็น 251 บาท ซึ่งเกิดจากการเข้าซื้อกิจการ 3BB (สัดส่วนการถือหุ้น 100%) และ JASIF (สัดส่วนการถือหุ้น 19%)