COCOCO บวกแรง 5% มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 30% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 11.60 บาท
COCOCO บวกแรง 5% มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 30% หลังโชว์ผลงาน 9 เดือนแรกรายได้ทะลัก 3.25 พันล้านบาท โต 26% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 11.60 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 พ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ณ เวลา 11:40 น. อยู่ที่ระดับ 8.20บาท บวก 0.40 บาท หรือ 5.13% สูงสุดที่ระดับ 8.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89.70 ล้านบาท
ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COCOCO ผู้ผลิต-จำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย กล่าวว่า บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 (1 ม.ค. -30 ก.ย. 2566) บริษัทฯมีกำไรสุทธิเท่ากับ 350.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.92% โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการขายของบริษัทเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ สามารถขยายตลาดไปยังประเทศจีนได้เพิ่มขึ้น จากการจำหน่ายสินค้าประเภทน้ำมะพร้าวไปยังประเทศจีน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า COCOCO ถือเป็น ผู้นำ ด้านกะทิ และน้ำมะพร้าวรายใหญ่ของเมืองไทย และยังอยู่ในธุรกิจเมกะเทรนด์สุขภาพทั่วโลกที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
สำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 3,258.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.26% เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวไปยังประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมะพร้าวและอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
“ผลงาน 9 เดือนแรกของปี 2566 COCOCO มีอัตรากำไรขั้นต้นของรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเป็น 26.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นของรายได้จากการขายเท่ากับ 23.90% เนื่องจากบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับ ความโดดเด่นของธุรกิจให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าประเภทน้ำมะพร้าว ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นของการให้บริการเท่ากับ 35.21% เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิด Economy of scale และยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในอนาคต” ดร.วรวัฒน์ กล่าว
นางสาวพัฒรา ทัศจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและสารสนเทศ COCOCO กล่าวว่า สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2566 บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทได้ดี โดยต้นทุนขายและบริการมีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจาก 76.29% เป็น 73.95% ของรายได้จากขายและการให้บริการ โดยปัจจัยหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนด้านวัตถุดิบที่ดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และจากการควบคุมกระบวนการผลิตและการปรับเทคนิคการผลิตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทใช้ต้นทุนวัตถุดิบและวัสดุใช้ไปในสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับรายได้ที่เกิดขึ้น
สำหรับปัจจุบัน COCOCO ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทย โดยนำน้ำมะพร้าวมาปรุงแต่งตามสูตรที่บริษัทคิดค้นและพัฒนาเองหรือตามสูตรของลูกค้าหรือสูตรที่พัฒนาร่วมกับลูกค้า ทั้งนี้ น้ำมะพร้าว ถือเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นได้ทันทีและปลอดภัย 100% อีกทั้ง มะพร้าวของไทยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นของน้ำมะพร้าวไทย คือ ความอร่อยและหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนมะพร้าวพันธุ์ใดในโลก” นางสาวพัฒรา กล่าว
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจมากว่า 15 ปี COCOCO ได้มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับให้ความสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนาระบบต่างๆ สอดคล้องกับตัวเลขผลการดำเนินงานที่มีทิศทางการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งภายหลังการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้นำไปลงทุนตามแผนไอพีโอที่แจ้งไว้ อาทิ การเดินหน้าขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว (COCOCO) มูลค่า 600 ล้านบาท โดยปัจจุบันเครื่องจักรใหม่เข้ามาถึงโรงงานที่จังหวัดราชบุรีแล้ว เมื่อกลางเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา โดยจะเข้ามาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวบรรจุกล่อง ขนาดบรรจุ 330 ml.
นอกจากนี้ บริษัทฯ เพิ่มเติมแผนการลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตมากกว่าแผนเดิมที่เคยวางไว้ เนื่องจากรองรับปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวบรรจุเครื่อง UHT PRISMA โดยกำหนดมูลค่าการลงทุนประมาณ 384.70 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นโดยภายหลังการเข้าลงทุนขยายกำลังการผลิตนั้น จะทำให้กำลังการผลิตสูงสุดน้ำมะพร้าวของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิม 218,000 ตันต่อปี เป็น 310,000 ตันต่อปี โดยคาดว่าจะมีรายได้เชิงพาณิชย์ ภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567
ดร.วรวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อน โดยเป็นไปตามทิศทางของคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ นำโดย กะทิกระป๋อง กะทิพาสเจอร์ไรซ์ น้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง น้ำมะพร้าวพาสเจอร์ไรซ์ ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi ประกอบกับได้รับปัจจัยสนับสนุนจากประเทศจีนโดยเฉพาะออเดอร์จากผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว นอกจากนี้ กลุ่มประเทศอื่นๆ ยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยฐานลูกค้าของ COCOCO มาจากต่างประเทศ 90 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมในกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือและใต้, กลุ่มประเทศยุโรป, กลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก, กลุ่มประเทศเอเชียใต้, กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง, กลุ่มประเทศโอเชียเนีย และกลุ่มประเทศแอฟริกา
ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น COCOCO ให้ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 11.60 บาทต่อหุ้น โดยประเมินรายได้รวมปี 2566 อยู่ที่ 4,382 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 450 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 3,365 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 302 ล้านบาท
ขณะที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 ของ COCOCO จะมีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน (ไม่มีฐานไตรมาส 3/2565 เทียบ) แต่หักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ คาดกำไรหลัก 151 ล้านบาท ทรงตัวในระดับสูงสุด (นิวไฮ) จากไตรมาสก่อน จากฐานกำไรหลักสูงสุด และคาดว่ายอดขายเติบโตราว 15% จากไตรมาสก่อน ซึ่งได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมะพร้าวเติบโตราว 20% ชดเชยกลุ่มกะทิที่ลดลง 10-15% เป็นไปตามกลยุทธ์บริษัทที่จะโฟกัสขายน้ำ มะพร้าว ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น (Margin) ดีกว่า
โดยอัตรากำไรขั้นต้นยังสูง คาดอนุรักษนิยมไว้ที่ 26% ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ค่าใช้จ่ายจะปรับเพิ่มขึ้น 30-40 ล้านบาท เนื่องจากกิจกรรมเกี่ยวเนื่องกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) (One-time) รวมทั้งค่าเดินทาง-ออกบูธ แสดงสินค้าครั้งใหญ่ ที่ห่างหายไปนานตั้งแต่โควิด-19 ระบาด (ปกติจะสูงสุดในไตรมาส 3) ส่วนในไตรมาส 4/2566 แม้เป็นโลว์ซีซั่น (Low season) แต่คาดว่ามีโอกาสที่จะเห็นกำไรหลักทรงตัวจากไตรมาส 3/2566ได้ และเป็น Upside ต่อกำไรทั้งปีราว 10-15%
ทั้งนี้ธุรกิจนํ้ามะพร้าวที่กำลังเร่งการเติบโต ล่าสุดหลังเดินสายหาลูกค้าใหม่จบลง (โดยเน้นลูกค้าจีน) ผู้บริหารได้ขออนุมัติบอร์ดเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3.10 แสนตัน/ปี จากเดิมเสนอไว้ 2.18 แสนตัน/ปี เพิ่มขึ้น 42% และของจริงในปัจจุบัน 1.1 แสนตัน เพิ่มขึ้น 181% เพื่อรองรับออเดอร์ที่วางแผนร่วมกับลูกค้าไว้ ซึ่งการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์จะทยอยเพิ่มช่วงปี 2567-2568 (เต็มปี 2568)