KBANK ชี้กรอบ “เงินบาท” สัปดาห์หน้า 34.80-35.50 บ. จับตาตัวเลขศก.ไทย-ทิศทางฟันด์โฟลว์
KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (20-24 พ.ย.66) ที่ระดับ 34.80-35.50 บ. แนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 และตัวเลขการส่งออกเดือน ต.ค. รวมถึงทิศทางฟันด์โฟลว์
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (20-24 พ.ย.66) ไว้ที่ระดับ 34.80-35.50 บาท/ดอลลาร์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 และตัวเลขการส่งออกเดือน ต.ค.ของไทย, สัญญาณเงินทุนต่างชาติ (Flow) และสถานการณ์ของสกุลเงินในภูมิภาค
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของธนาคารกลางจีน รวมถึงดัชนี PMI ขั้นต้นเดือน พ.ย.ของยูโรโซนอังกฤษ และสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
สำหรับเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 35.05 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ ก่อนการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ประกอบกับมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์เผชิญแรงเทขายอย่างหนัก หลัง CPI ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดมาก นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกก็เป็นแรงหนุนเพิ่มเติมของเงินบาทด้วยเช่นกัน
โดยเงินบาทยังคงมีทิศทางแข็งค่าจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ และทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 35.05 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์อย่างหนัก หลังจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีราคานำเข้าเดือน ต.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด และกระตุ้นให้ตลาดมีความเชื่อมากขึ้นว่า เฟดอาจจบรอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว
ส่วนในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย.66 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.05 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับ 35.89 บาท/ดอลลาร์ในวันศุกร์ก่อนหน้า (10 พ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย.66 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,985 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 3,225 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 3,220 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 5 ล้านบาท)