“ครม.” ไฟเขียวตั้งกอง TESG ลดหย่อนภาษี 1 แสนบาท มีผลถึง 31 ธ.ค.75

“ครม.อนุมัติตั้งกอง TESG หักลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี มีผลถึง 31 ธ.ค.75 ด้านประธาน FETCO คาดบลจ.เตรียมขายกองทุน 1 ธ.ค.66 พร้อมจับตาหุ้นเข้าเกณฑ์กว่า 200 ตัว จากทั้งหมดกว่า 800 บริษัท ลุ้นวิ่งคึก!


น.สพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้(21พ.ย.66) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมติหลักการร่างกฎกระทรวง ภายใต้มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย กำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ TESG)” ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาทสำหรับปีภาษีนั้น ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ มีผลตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติอนุมัติไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.75 และการขายคืนหน่วยลงทุนไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อ

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงที่จะออก คือ

1.ผู้มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์-บุคคลธรรมดาที่มีรายได้

2.เงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์

– การซื้อหน่วยลงทุน TESG (1) นำเงินได้มาซื้อหน่วยลงทุนใน TESG (2) เป็นเงินได้ที่ได้มาตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 (3) ต้องถือหน่วยลงทุนใน TESG ไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (แต่ไม่รวมกรณีทุพพลภาพหรือตาย)

– การขายหน่วยลงทุน TESG (1) ขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG (2) ถือหน่วยลงทุนใน TESG มาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (แต่ไม่รวมกรณีทุพพลภาพหรือตาย)

3.สิทธิประโยชน์

– การซื้อหน่วยลงทุน TESG ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาทสำหรับปีภาษีนั้นๆ

– การขายหน่วยลงทุน TESG ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ที่ได้รับมารวมคำนวณภาษีเงินได้ (เฉพาะกรณีที่คำนวณเงินหรือผลประโยชน์จากเงินที่ได้หักลดหย่อนกรณีซื้อหน่วยลงทุนใน TESG)

น.สพ.ชัย กล่าวว่า การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESF Fund หรือ TESG) คาดว่าจะก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐ โดยสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีแรกประมาณ 3,000 ล้านบาท และในปีถัดๆไปปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท

ส่วนประโยชน์ คือการเพิ่มการลงทุนระยะยาวในตลาดทุนไทย เพื่อทำให้เสถียรภาพของตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้น มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ รวมทั้งเป้าหมายความเป้นกลางทางคาร์บอน และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

ด้านนายกอบศักดิ์ ภู่ตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน Thailand ESG Fund (TESG) โดยคาดว่า บลจ.ต่างๆ จะเริ่มขายกองทุน TESG ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.66

สำหรับกองทุน TESG จะคล้ายกองทุน LTF โดยจะได้สิทธิลดหย่อยภาษี 100,000 บาท/ราย เพื่อให้ทันใช้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 66 และคาดเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นปีละ 1 หมื่นล้านบาท โดยกองทุน TESG จะลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ไทยที่มี ESG ระยะเวลาถือครอง 8 ปีเต็ม

โดยกองทุน TESG จะเลือกลงทุนบริษัทที่ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล และเข้ามาตรฐาน ESG (Environment , Social and Governance) ปัจจุบันมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 210 บริษัทที่เข้าข่ายกรอบลงทุนของกองทุน TESG จากทั้งหมดที่มีกว่า 800 บริษัท  โดยในจำนวนดังกล่าวมีมูลค่าตลาด (Market Cap) คิดเป็น 81% ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มพลังงาน บริษัทจัดการของเสีย อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรม และทรัพยากร เป็นต้น

นายกอบศักดิ์ มองว่าขณะนี้เป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้นไทยที่อยู่ในช่วงซบเซา และหุ้นที่เข้าข่ายลงทุนก็เป็นหุ้นที่นักลงทุนรู้จักเป็นอย่างดี และมีสภาพคล่องสูง

“ในใจผมกองนี้เขา (รัฐบาล) ตั้งใจว่าจะให้ 10 ปี หมายความว่าเป็นโครงการที่ทำต่อเนื่องระยะยาว ไม่ต้องต่ออายุไปเรื่อย ๆ เงื่อนไขถือไว้ไม่ต่ำกว่า 8 ปีเต็ม ซื้อ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และไม่รวมกองทุนอื่น อันนี้คือเงื่อนไข”นายกอบศักดิ์ กล่าว

Back to top button