“กรภัทร” ชูกลุ่ม “โรงไฟฟ้า” น่าลงทุน พ่วงหุ้นรับอานิสงส์ “กองทุน TESG”
“กรภัทร” มองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว หลังแรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐลดลง พร้อมชูกลุ่ม “โรงไฟฟ้า” น่าลงทุน แนะ GPSC ดาวเด่น! พ่วงหุ้นรับอานิสงส์กองทุน TESG หลังปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก 114 บริษัทเข้าอยู่ในกลุ่ม SETESG ขณะท่ำกรอบดัชนีให้แนวต้าน 1,423-1,431 จุด ส่วนแนวรับ 1,406-1,400 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (23 พ.ย. 66) ว่าเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะนี้กำลังโตแบบซอฟต์แลนด์ดิ้ง ชะลอตัวลง ซึ่งภายใต้การชะลอตัวลงนั้น ทำให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงมองว่าดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุดแล้ว ส่งผลให้วันนี้สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่โดยเฉพาะสกุลเงินหยวนแข็งค่า รวมถึงสกุลเงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสฟื้นตัว โดยให้กรอบแนวต้านที่ระดับ 1,423-1,431 จุด ส่วนแนวรับที่ระดับ 1,406-1,400 จุด
ส่วนสถานการณ์หลายวันที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายเบาบาง มองว่าเพราะนักลงทุนยังไม่เห็นปัจจัยในการลงทุนใหม่ๆ เข้ามา ทั้งนโบยายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ว่าจะมีสัญญาณเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลงอยู่ในระดับต่ำและเริ่มประคองตัวได้
อย่างไรก็ดี คาดว่าในอนาคตจะเห็นเทรนด์ของการบริโภคค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องหลักที่ตลาดต้องติดตาม นอกจากนั้นยังมีนโยบายระยะยาวที่ต้องติดตามโดยเฉพาะนโยบายภาครัฐ แต่ในระยะสั้นหลายมาตรการของภาครัฐเองพยายามจะทำให้การบริโภคดีขึ้น ทั้งการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และในส่วนของการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการจะเป็นผลบวกต่อการใช้จ่ายมากขึ้น
ขณะที่กลยุทธ์การลงทุน ยังคงมองว่ากลุ่มโรงไฟฟ้ายังมีความน่าสนใจ แนะนำ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็นตัวเด่น
รองลงมาเป็นกลุ่ม Consumer Finance ในส่วนของกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) คาดว่าในเดือนธันวาคมจะมีเงินเข้ามา 10,000 –15,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นเดือนที่คนซื้อเพื่อสิทธิทางภาษี ส่งผลให้ภาพรวมในประเทศจะมี long term fund ที่เพิ่มมากขึ้น โดยในระดับปีคาดว่าอาจสูงถึง 35,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินใหม่ที่จะเข้ามาในปีหน้า แต่ในระยะสั้นยังคงต้องติดตามกันต่อ ซึ่งปัจจุบันหุ้นที่เข้าเกณฑ์ TESG คือหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SETESG เป็นหลักซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก 114 บริษัท
ทั้งนี้มองว่าผู้ลงทุนต้องมีมุมมองในทิศทางเดียวกันกับบริษัทเรื่องการให้ความสำคัญกับการดูแล จัดสรร และดำเนินงานโดยอยู่ในธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งจะทำให้กองทุนประเภทนี้มีโอกาสเติบโตยั่งยืนได้มากขึ้น