เปิดโผ 4 หุ้น “เครื่องดื่ม” กระทบราคาน้ำตาลขึ้น 2 บาท

เปิดโผ 4 หุ้น “เครื่องดื่มและอาหาร” ได้แก่ SAPPE-OSP-CBG และ KCG รับผลกระทบน้ำตาลขึ้น 2 บาท โดยประเมินว่า SAPPE จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากต้นทุนน้ำตาลที่สูงขึ้น หวั่นกระทบกำไรจากธุรกิจหลักลดลง 6.3%


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า รัฐบาลไทยอนุมัติให้ขึ้นราคาขายน้ำตาลในประเทศ 2 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 10.5% จาก 19 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีผลทันที ทั้งนี้ เนื่องจากการบริโภค น้ำตาลในตลาดส่งออกจะอ้างอิงกับราคาในตลาดโลก ซึ่งเราคาดว่าจะ เพิ่มขึ้นอีก 29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในปี 2567 ดังนั้น บริษัทที่มีรายได้จากการส่งออกสูง อย่างเช่น SAPPE สัดส่วนรายได้จากการส่งออก 80% จะได้รับผลกระทบมากกว่าเราทำการประเมินผลกระทบต่อบริษัทในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และปรับลดราคาเป้าหมายของ CBG ลง 4.8% เหลือ 93.60 บาท, ของ OSP ลง 2.2% เหลือ 35.70 บาท และของ KCG ลง 1.6% เหลือ 11.80 บาท

ทั้งนี้ประเมิน บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นราคาน้ำตาล ตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการจากสัดส่วนของต้นทุนน้ำตาลใน COGS  และสัดส่วนของยอดขายในต่างประเทศ ซึ่งต้นทุนจะอิงกับราคาที่สูงกว่า เพราะราคาในประเทศมีการควบคุมมากกว่า เพราะอิงกับราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ผันผวนมากกว่า

รวมถึงระดับอัตรากำไรสุทธิ (net margin) ซึ่งยิ่งสูงก็จะยิ่งช่วยรองรับผลกระทบของต้นทุนที่สูงขึ้นได้ดีขึ้น โดยประเมินว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากต้นทุนน้ำตาลที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักลดลง 6.3%

โดยประเมิน CBG ทางฝ่ายวิจัยปรับลดราคาเป้าหมายลง 4.8% เหลือ 93.60 บาท เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ำตาล ซึ่งทำให้ปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2567 ลดลง 5% และปี 2568 ลดลง 4.5% โดยมองว่า CBG เป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากเป็นอันดับสองจากการขึ้นราคาน้ำตาล รองจาก SAPPE (กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2567 ลดลง 6.3%) อย่างไรก็ตาม ยังคงมองบวกกับ upside จากธุรกิจเบียร์ ซึ่งคาดวากำไรจะคิดเป็น 15.2% ของกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2567

ทั้งนี้ประเมิน KCG ปรับลดราคาเป้าหมายลง 1.7% เหลือ 11.80 บาท แต่ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ หลังจากที่ราคาหุ้นย่อลงมาที่ 16.5% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา เพราะตลาดเป็นกังวลกับผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ำตาล อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าต้นทุนน้ำตาลจะคิดเป็นเพียง 0.7% ของ COGS ในปี 2567 และใชสมมติฐานว่าจะมีการขึ้นราคาน้ำตาล 10.5%

ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2567 ลดลง 1% เหลือ 341 ล้านบาท โดยยังชอบ KCG ในแง่การเติบโตของกำไรจากธุรกิจหลักที่คาดวาจะสูงถึง 13% ในปี 2567 จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของอาหารฝรั่ง นอกจากนี้ ยังชอบที่ราคาหุ้นถูก โดยคิดเป็นค่า P/E ปี 2567 เพียง 14.3 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม

นอกจากนี้ประเมิน OSP ปรับลดราคาเป้าหมายลง 2.2% เหลือ 35.70 บาท จากการปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2567 ลดลง 2.8% และปี 2568 ลดลง 2.7% เพื่อสะท้อนถึงการขึ้นราคาน้ำตาล โดยประเมินว่าต้นทุนน้ำตาล คิดเปน 5% ของ COGS และการปรับขึ้นราคา 10.5% ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 จะทำใหอัตรากำไรขั้นตนลดลง 0.3ppt ในปี 2567 เป็น 34.7% และปี 2568 เป็น 35% ถึงแม้จะมีการขึ้นราคา แต่เชื่อว่ายอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.5% ในปี 2567 และอัตรากำไร ขั้นตนที่เพิ่มขึ้น 0.5ppt จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง อย่างเช่นก๊าซ ธรรมชาติ จะช่วยหนุนใหกำไรจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 3% ในปี 2567

โดยทางฝ่ายวิจัยยังคงเลือก SAPPE เป็น Top BUY และเลือก CBG สำหรับเล่นตามโมเมนตัม ยังคงแนะนำซื้อหุ้น 4 ตัวในกลุ่มนี้ที่ศึกษาอยู่เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นย่อลงมามากเกินไป จากประเด็นการขึ้นราคาน้ำตาล โดยทางฝ่ายวิจัยชอบ SAPPE มากที่สุดเนื่องจากคาดว่ารายได้จะเติบโตสูงที่สุดที่ 24% (CAGR) ในอีกสามปีข้างหน้า ในขณะที่เชื่อว่า CBG จะเป็นหุ้นที่ดีที่สุดสำหรับเล่นตามโมเมนตัม จาก upside ของธุรกิจเบียร์

Back to top button