TIPH ยันไตรมาส 4 โตต่อ ชู “มีที่มีเงิน” เรือธงหนุนธุรกิจ

TIPH มั่นใจ “มีที่มีเงิน” โอกาสโตสูง ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีนี้ 5 พันล้านบาท จาก 9 เดือนแรกทำได้แล้วกว่า 78%


ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โอลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 23 พ.ย.66 ว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีกำไร 1,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 772 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากเบี้ยประกันภัยรับของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการพัฒนาช่องทางขายร่วมกับพันธมิตร และการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าโดยรวมอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้เบี้ยประกันภัยรับ จำนวน 23,096 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการรับประกันภัย 2,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อน รวมถึงมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริษัท มีที่มีเงิน เป็นบริษัทที่มีโอกาสสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนจำนวนหนึ่งมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก ทำให้ต้องหันไปพึ่งพาการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง และไม่เป็นมิตรกับผู้กู้ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของ มีที่มีเงิน คือการทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย และใช้ต้นทุนที่ไม่สูงมาก ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบและในระบบ พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อ 5 พันล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้วกว่า 78%

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตไว้ตามเดิม จากการที่ภาครัฐบาลมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นจำนวนมาก รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่เริ่มเดินหน้าจากที่เคยชะลอไว้ และยังได้ร่วมกับภาคเอกชนพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้บริษัทมองว่ามีโอกาสในการเข้าไปรับประกันภัยในโครงการต่างๆ เหล่านี้

สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะมีการออกประกันสุขภาพ ประกันภัยสัตว์เลี้ยงเพิ่มเติม ตามแผนที่จะมีการออกสินค้าใหม่ทุกเดือน ซึ่งเดือนนี้มีการออกประกันภัยรถยนต์ และประกันภัย พ.ร.บ. ประกันอุบัติหตุส่วนบุคคล ประกันที่อยู่อาศัยไปแล้ว ขณะที่เดือนถัดไป จะมีการออกประกันภัยที่ขายผ่านออนไลน์ และประกันภัยไซเบอร์

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยได้ทำการศึกษาการลงทุนโดยตรงเพิ่มเติมในธุรกิจประกันชีวิตในลาว คาดการณ์ว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ และศึกษาการลงทุนในกัมพูชาเพิ่มเติม ซึ่งมองว่ามีโอกาสในการเติบโตสูง และเหมาะสำหรับการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV เนื่องจากตลาดประกันวินาศภัยเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยปีละ 6.95% ปัจจุบันกัมพูชามี 1 บริษัทประกันภัยที่ครองตลาดมากกว่า 40% ในขณะที่บริษัทประกันภัยอื่นมีส่วนแบ่งตลาดเป็นสัดส่วนน้อย ทำให้ TIPH มีอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดต่ำ และจะสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดได้จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัยของบริษัททิพยประกันภัย

Back to top button