MONO ผนึก “บอทน้อยกรุ๊ป” นำเทคโนโลยี “AI” พัฒนาธุรกิจสื่อบันเทิง
MONO NEXT จับมือพันธมิตร Botnoi นำเทคโนโลยี AI พัฒนาธุรกิจสื่อภายใต้โปรเจกต์ "AI-Power สำหรับวงการบันเทิง เร็ว แรง” เพิ่มศักยภาพกลุ่มธุรกิจ เปิดโอกาสเข้าถึงกลุ่มลุกค้าใหม่ในระดับภูมิภาค
บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ผู้นำในการสร้างสรรค์สื่อและธุรกิจด้านความบันเทิงแบบครบวงจรเล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่สามารถนำมาใช้งานได้จริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ทั้งนี้โมโนจึงผนึกกำลังพันธมิตรร่วมกับ บอทน้อยกรุ๊ป (Botnoi Group) ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจขององค์กรและขีดความสามารถให้ธุรกิจในโครงการความร่วมมือระยะยาวของโปรเจกต์ “AI-Power สำหรับวงการบันเทิง เร็ว แรง”
โดยนายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า MONO มีการพัฒนาไม่หยุดยั้งนอกจากการผลิตหนังและซีรีส์แล้วบริษัทเชื่อว่ายุคนี้ควรใช้ AI เป็นตัวช่วยในการทำงานควบคู่ไปกับทีมงานเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดระยะเวลารวมถึงขั้นตอนในการทำงาน อีกทั้งยังสามารถนำมาวิเคราะห์ข้อมูลการให้บริการลูกค้าในมุมต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นที่มาในการเป็นพันธมิตรกับ บอทน้อยกรุ๊ป ผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ขณะที่เทคโนโลยี AI ที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในสองธุรกิจหลักของบริษัท คือ MONOMAX ที่จะมีระบบการแปลภาษารวดเร็วขึ้นด้วย AI ทำให้ผู้ชมที่รอคอยซีรีส์ต่างประเทศได้ชมของใหม่ๆ อย่างเร็วขึ้น รวมทั้งลูกค้าของ MONOMAX ที่ต้องการชมเป็นภาษาอื่นๆ บริษัทก็จะมีภาษาซับไตเติ้ล และการพากย์เสียงโดยใช้ AI
ทั้งนี้อีกหนึ่งธุรกิจ คือ ช่อง MONO29 ซึ่งนำร่องในรายการข่าวและรายการบันเทิงต่างๆ ของทางสถานีฯ และการนำ AI มาเสริมจะสามารถทำให้การนำรายการไปเผยแพร่ช่องทางออนไลน์ครอบคลุมได้หลายภาษามากยิ่งขึ้น ดังนั้นแฟนรายการชาวต่างประเทศ หรือ แฟนรายการจากประเทศเพื่อนบ้านก็สามารถรับชมและเข้าใจคอนเทนต์ของทางสถานีเราได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับในเฟสแรกบริษัทได้เริ่มทดลองในส่วนของรายการข่าวเช้า และรายการกอสซิปสตาร์บันเทิง (online) รวมถึงคลิปพยากรณ์ดวงชะตาของ อาจารย์คฑา ชินบัญชร เพื่อสามารถรองรับแฟนคลับสายมูทั่วเอเชียซึ่งเดิมยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการเข้าถึงเนื้อหาและบริษัทยังมองการขยายครอบคลุมไปถึงซีรีส์และภาพยนตร์ที่ผลิตโดย MONO Original ที่สามารถช่วยให้การทำตัวอย่างหนังหรือเบื้องหลังการถ่ายทำออกมาในหลายภาษารวมถึงหลายเวอร์ชั่น
อีกทั้งในเฟสแรกนี้จะมีการทดสอบแบบเบต้าครอบคลุมภาษาอังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, พม่า, อินโดนีเซีย และในเฟสต่อไปจะครอบคลุมคอนเทนต์ที่มากขึ้นพร้อมกับการพัฒนาการแปล, การพากย์, ร่วมกับบริษัทบอทน้อย เพื่อที่จะได้อารมณ์ใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด
นอกจากนี้ ดร.วินน์ วรวุฒิคุณชัย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บอทน้อยกรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก MONO ในการให้เป็นผู้นำระบบ AI มาใช้ในธุรกิจคอนเทนต์บันเทิง โดยถือได้ว่าเป็นโปรเจกต์สำคัญที่ทีมงานเราตั้งใจทำโปรแกรมขึ้นมาเพื่อรองรับคอนเทนต์สื่อบันเทิงโดยเฉพาะ ซึ่งการนำเทคโนโลยี Speech Recognition ตัวช่วยในการแปลงเสียงบทสนทนาเป็นข้อความหรือการแปลงข้อความเป็นเสียงจากวิดีโอหรือไฟล์เสียงที่มีความเป็นธรรมชาติคล้ายมนุษย์ด้วยโปรแกรม Text to Speech, Speech to Text, Machine Translation, Machine Dubbing และ Machine Subtite
ทั้งนี้สามารถนำทั้งหมดมาทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นการแปลการพากย์ และการทำซับไตเติ้ลแบบดั้งเดิม รวมทั้งการแปลงบทพากย์หรือข้อความให้กลายเป็นเสียงพากย์ในภาษาต่าง ๆ เพื่อรองรับการใช้งานครอบคลุมหลากหลายภาษาในเอเชีย พร้อมทั้งสามารถเลือกเสียงพูดได้จากหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นเพศ, วัย, สำเนียงหรือสไตล์การพากย์เพื่อให้เหมาะสมกับตัวละครแต่ละตัว
อีกทั้งผ่านมา บอทน้อยกรุ๊ปประสบความสำเร็จในการใช้ AI เพื่อการบรรยายเชิงข้อมูล, สารคดี, และข่าว แต่สำหรับครั้งนี้พิเศษมากขึ้นเพราะได้ร่วมมือกับ MONO ซึ่งผู้มีความชำนาญและเข้าใจในธุรกิจบันเทิง มาช่วยยกระดับการพัฒนา AI มาใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจภาพยนตร์และซีรีส์ในแง่อารมณ์ของตัวละคร, รัก, โกรธ, เสียงเข้ม, เสียงตะโกน, ซึ่งเมื่อพากย์เสียงภาษาอื่นๆ ด้วย AI ก็ต้องพยายามรักษาอารมณ์ให้ตรงแต่ละบทบาทได้ตามต้นฉบับหรือเหมือนมนุษย์ให้มากที่สุด
นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือช่วยลดต้นทุนด้านเวลาและทรัพยากรอื่นๆ อีกทั้งช่วยผลิตคอนเทนต์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งบอทน้อยเชื่อว่าการร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ AI ในวงการบันเทิงกลายเป็นจุดเปลี่ยนต่อไปในอนาคต เพราะ AI ไม่ได้มาทดแทนคนแต่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และข้ามขีดจำกัดด้านกำแพงภาษา เปิดโอกาสให้คอนเทนต์บันเทิงเข้าถึงผู้คนใหม่ๆ ในภูมิภาคต่างๆ ได้หลากหลายยิ่งขึ้น ตามกระบวนการ Machine Learning นั้นยิ่งเชื่อมั่น ยิ่งใช้งาน AI ก็จะยิ่งฉลาดและเหมือนมนุษย์มากขึ้น