AMATA แย้ม Q4 โตต่อ รับยอดโอนที่ดินพุ่ง ตุนแบ็กล็อกหมื่นล้าน ดันเป้าปีนี้แตะ 2,000 ไร่
AMATA ส่งซิกไตรมาส 4/66 ปรับตัวดีขึ้น คาดยอดโอนที่ดินประมาณ 500 ไร่ ตุนแบ็กล็อกทะลุ 1.06 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้แตะ 1,700-2,000 ไร่
นางสาวพงศ์สุภา โชคสกุล ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 66 ว่าแนวโน้มไตรมาส 4/66 จะปรับตัวขึ้นดีกว่าไตรมาส 3/66 จากไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คาดว่ายอดโอนที่ดินมีประมาณ 500 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าหลากหลายธุรกิจ รวมถึงลูกค้าประเทศจีนมีกลุ่มจำนวนมากเข้ามาสนใจลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะมีการเซ็นสัญญา หรือรับทรัพย์เรียบร้อยแล้ว รวมถึงขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ภาษีเวียดนามยังมีความไม่ชัดเจน แต่มองว่าบริษัทจะสามารถดึงดูดความน่าสนใจให้กับนิคมอุตสาหกรรมอื่น เพราะยังมีให้กลุ่มเป้าหมายอีกหลายประเทศในอาเซียน
สำหรับสัดส่วนรายได้ในการขายที่ดินและการให้บริการสาธารณูปโภคในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา สัดส่วนการขายที่ดินอยู่ที่ 49% และสาธารณูปโภคอยู่ที่ 40%
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) 10,650 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2566 ประมาณ 1,700-2,000 ไร่ ทั้งนี้ บริษัทคงกำไรปกติปี 2566 อยู่ที่ 2 พันล้านบาท เติบโต 118% ส่วนใหญ่มาจากการขายที่ดิน ซึ่งอาจจะต้องประเมินเรื่องของการรับรู้รายได้ ส่วนยอดโอนอาจจะต้องรอพิจารณา สำหรับธุรกิจโรงงานให้เช่าสำเร็จรูปน่าจะเติบโตไปตามแผนที่บริษัทวางไว้
โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในจังหวัดชลบุรีสัดส่วน 60% และลงทุนในจังหวัดระยองอยู่ที่ 30% ขณะที่ลูกค้าประเทศจีน เข้ามาลงทุนในจังหวัดระยองมากกว่า 50% โดยขณะนี้มีอุตสาหกรรมเกี่ยวกับ EV, อิเล็กทรอนิกส์ และดาต้าเซ็นเตอร์ เข้ามาสนใจลงทุนในบริษัท
ทั้งนี้ มองแนวโน้มปี 2567 รักษาการเติบโตต่อเนื่องที่ 2.8 พันล้านบาท จากยอด Transfer ที่เพิ่มเป็น 836 ไร่ และ 1.1 พันไร่ ตามลำดับ มองว่าได้รับปัจจัยบวกเข้ามาหนุน จะมีโอกาสลงทุนเพิ่มมากขึ้น ส่วนความคืบหน้านิคมอุตสาหกรรมประเทศลาว ยังอยู่ในระหว่างเจรจากับพันธมิตร ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปี 2567
อนึ่ง ผลประกอบการไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 396.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 353.45 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวม 2,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 1,947 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และรายได้ค่าบริการสาธารณูปโภค