ก.ล.ต. ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ มีผล 1 ธ.ค.นี้! สร้างความเชื่อมั่น-ขับเคลื่อนศก.ดิจิทัล
ก.ล.ต. ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่มีผลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 66 เป็นต้นไป เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน พร้อมกับการมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และความยั่งยืน ขณะเดียวกันมีการเพิ่มผู้ช่วยเลขาธิการสายบังคับใช้กฎหมาย 1 ตำแหน่ง และผู้อำนวยการ 3 ฝ่าย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่าที่ประชุมครั้งที่ 16/2566 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ได้มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับเป้าหมายการทำงานเพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน (Trust and Confidence) และช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1.จัดกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนและการบังคับใช้กฎหมายไว้ด้วยกัน เพื่อให้ภารกิจงานทั้งหมดสามารถเชื่อมประสานกันได้อย่างราบรื่นตั้งแต่การระดมทุนและติดตามดูแลภายหลังการระดมทุน
2. เพิ่มสายงานด้านการบังคับใช้กฎหมายอีก 1 สายงาน เพื่อรองรับปริมาณงานที่ต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และจะนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
3. แยกหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนออกมาให้ชัดเจน โดยตั้งเป็น “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส” เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับและติดตามเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ทั้งเรื่องร้องเรียนตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ก.ล.ต. และเรื่องร้องเรียน ก.ล.ต. ซึ่งรวมถึงบุคลากรของ ก.ล.ต.
4. ปรับปรุงขอบเขตงานด้านคดี โดยโอนงานคดีปกครอง เพื่อรวมศูนย์งานด้านคดีไว้ที่เดียวกัน
5. รวมศูนย์งานด้านกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Audit) ไว้ที่ส่วนงานเดียว เพื่อเป็นศูนย์กลางในการมองภาพรวมทั้งระบบ
6. จัดโครงสร้างและขอบเขตงานของสายงานตัวกลางและสายธุรกิจจัดการลงทุน เพื่อช่วยให้การทำงานและขับเคลื่อนงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
7. เพิ่มส่วนงานในสายนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ทำหน้าที่ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการเข้าถึงแหล่งทุนของภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้การเข้าถึงการลงทุนและการจัดสรรเงินลงทุนของผู้ลงทุนเป็นไปอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอนโยบายเพื่อการพัฒนาและกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน
8. จัดให้สายงานกฎหมายขึ้นตรงต่อเลขาธิการเพื่อตรวจสอบและถ่วงดุล (check & balance) ซึ่งจะทำให้งานเกิดความรอบคอบและสมบูรณ์ เนื่องจากสายงานกฎหมายเป็นสายงานที่จะเห็นความเชื่อมโยงของหลักเกณฑ์ทั้งหมด และเป็นศูนย์กลางให้คำปรึกษาทางกฎหมายให้แก่ส่วนงานต่าง ๆ ของ ก.ล.ต.
ทั้งนี้โครงสร้างองค์กรที่ปรับปรุงใหม่จะมีการเพิ่มผู้ช่วยเลขาธิการสายบังคับใช้กฎหมาย 1 ตำแหน่ง และเพิ่มผู้อำนวยการ 3 ฝ่าย อาทิ ฝ่ายนโยบายธุรกิจจัดการลงทุน, ฝ่ายนโยบายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, และฝ่ายส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล ซึ่งภายหลังการเพิ่มตำแหน่งดังกล่าวโครงสร้างองค์กรของ ก.ล.ต. จะประกอบด้วยรองเลขาธิการ 4 ตำแหน่ง, ผู้ช่วยเลขาธิการ 12 ตำแหน่ง, ส่วนงาน 36 ฝ่าย และ 1 ศูนย์ นอกจากนี้ ก.ล.ต. มีคำสั่งแต่งตั้งและโยกย้ายพนักงานดังต่อไปนี้
1.นางณัฐญา นิยมานุสร ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับตลาดและความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นผู้ช่วยเลขาธิการสายธุรกิจจัดการลงทุน
2.นางจารุพรรณ อินทรรุ่ง ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับธุรกิจจัดการลงทุนและตัวกลางเป็นผู้ช่วยเลขาธิการสายธุรกิจตัวกลางและตลาด
3.นางพัฒนพร ไตรพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการสายบังคับใช้กฎหมาย เป็นผู้ช่วยเลขาธิการสายบังคับใช้กฎหมาย 1 และเป็นรักษาการผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย 2 อีกตำแหน่งหนึ่ง
4.นางสาวนภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้ช่วยเลขาธิการสายนวัตกรรมทางการเงิน เป็นผู้ช่วยเลขาธิการสายนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัล และเป็นรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัลอีกตำแหน่งหนึ่ง
5.นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสายสื่อสารองค์กร เป็นหัวหน้าศูนย์์รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส อีกตำแหน่งหนึ่ง
6.นางศิษฏศรี นาคะศิริ ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายธุรกิจจัดการลงทุน และเป็นรักษาการผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อีกตำแหน่งหนึ่ง
7.นายสุรศักดิ์ ฤทธิ์ทองพิทักษ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับตลาดเป็นผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายธุรกิจหลักทรัพย์ และเป็นรักษาการผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับตลาด อีกตำแหน่งหนึ่ง ทั้งนี้ การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป