กองทรัสต์ WHART จ่อขายเพิ่มทุน 9.60 บ. จองซื้อ 1-18 ธ.ค.นี้ ดันพอร์ตแตะ 5.5 หมื่นล้าน

“กองทรัสต์ WHART” แจ้งราคาเสนอขายสูงสุดหน่วยทรัสต์ที่ 9.60 บาทต่อหน่วย ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมเริ่มจองซื้อวันที่ 1,4 และ 6-8 ธ.ค.66 ส่วนประชาชนทั่วไปวันที่ 13-15 และ 18 ธ.ค.นี้ หนุนพอร์ตแตะ 55,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นผู้นำกองทรัสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท เปิดเผยว่าการเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

โดยจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ซึ่งภายหลังการลงทุนครั้งนี้จะทำให้กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 55,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.89 ล้านตารางเมตร พื้นที่เช่าหลังคา 487,243.29 ตารางเมตร โดยเป็นอาคารคลังสินค้า, ศูนย์กระจายสินค้า, และอาคารโรงงาน ที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการลูกค้าและแบบสำเร็จรูป

ขณะที่เชื่อมั่นว่าการเปิดจองซื้อหน่วยเพิ่มทุนในครั้งนี้จะได้การตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากความโดดเด่นของทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 2. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง โปรเจค 1 3. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23

ทั้งนี้โปรเจค 3 เป็นโครงการที่มีศักยภาพ ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ทางโลจิกติกส์ที่สำคัญ อาทิ ทำเลบางนา-ตราด และ EEC ที่มีกลุ่มผู้เช่าจากหลากหลายธุรกิจที่มีความมั่นคงอย่าง กลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (Third Party Logistics) และกลุ่มผู้ผลิต (Manufacturer) ที่สำคัญเป็นการลงทุนในอาคารแบบ Built-to-Suit และ General Warehouse ซึ่งตอบโจทย์การดำเนินการของผู้เช่าได้เป็นอย่างดี

อีกทั้งคุณภาพของทรัพย์สินนั้นเป็นระดับพรีเมี่ยม มีกลุ่มบริษัท WHA บริหารจัดการทรัพย์สินสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของกองทรัสต์ WHART ซึ่งมุ่งเน้นคัดเลือกทรัพย์สินที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างอัตราการเติบโต และผลตตอบแทน ให้คุ้มค่ากับการเข้ามาลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุน

โดยล่าสุดกองทรัสต์ WHART แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 รายได้รวมอยู่ที่ 840.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.29 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.90 จากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการรับรู้รายได้จากการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 644.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.42 จากงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กองทรัสต์ WHART ถือว่าเป็นกองทรัสต์ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 กองทรัสต์มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A Stable จาก Tris Rating

นอกจากนี้ นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART กล่าวว่าสถานการณ์ลงทุนปัจจุบันถือว่าเป็นจังหวะและโอกาสในการลงทุนในกองทรัสต์ (REIT) เนื่องจากปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในกอง REIT

ทั้งนี้ธนาคารมีความเห็นว่าสินทรัพย์ประเภทกอง REIT เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่แนะนำลงทุนด้วยคุณสมบัติสินทรัพย์ที่มีโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคงจากรายได้ค่าเช่า และมีความต่อเนื่องและเติบโตของทรัพย์สินในระยะยาว

ส่วน นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทรัสต์ WHART เป็นผู้นำกองทรัสต์ในกลุ่มคลังสินค้าและอุตสาหกรรม มีศักยภาพในการเติบโตด้วยทรัพย์สินที่แข็งแกร่งเป็นกองทรัสต์ฯที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566)

นอกเหนือจากนี้สามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ก่อตั้งกองทรัสต์ มีเครดิตเรตติ้งที่ดี และที่สำคัญคือมี WHA Group เป็นเจ้าของทรัพย์สินและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ซึ่งการันตีถึงคุณภาพของทรัพย์สินได้เป็นอย่างดีโดยภายหลังจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมในครั้งนี้

ขณะที่กองทรัสต์ฯ ได้ประมาณการอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อยู่ที่ 0.79 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนประมาณ 8.23% (ขึ้นอยู่กับราคาเสนอขายสุดท้าย) บนสมมติฐานราคาเสนอขายสูงสุดไม่เกิน 9.60 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้จะมีการคืนส่วนต่างการจองซื้อกรณีราคาเสนอขายสุดท้าย ต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด

โดยสุดท้ายนี้กองทรัสต์ WHART เตรียมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 สามารถจองซื้อระหว่างวันที่ 1, 4 ธันวาคม และวันที่ 6-8 ธันวาคม 2566 โดยสามารถจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) และสาขาของ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีการกำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.0598 หน่วยทรัสต์เพิ่มทุนที่ระดับราคาจองซื้อที่เสนอขายสูงสุด 9.60 บาทต่อหน่วย และจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายก่อนช่วงของการจองซื้อสำหรับประชาชนทั่วไป ผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อระหว่างวันที่ 13 -15 ธันวาคม และวันที่ 18 ธันวาคม 2566 โดยจะทำการชำระเงินจองซื้อที่ราคาสุดท้าย ผ่านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน),  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)

Back to top button