BTS มั่นใจปี 67 รับรู้รายได้ค่าเดินรถเฉียด 7 พันล้าน- “สายสีชมพู” เริ่มเก็บเงินม.ค.
BTS มั่นใจปี 67 รับรู้รายได้ค่าเดินรถเฉียด 7 พันล้านบาท เผยสายสีชมพูเก็บเงิน ม.ค. ทันที พร้อมเดินหน้าก่อสร้างสนามบิน “อู่ตะเภา” กางแผนปี 68 ลงทุนมอเตอร์เวย์ 2 โครงการ และเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์
นางสาวชวดี รุ่งเรือง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ว่า ในไตรมาส 2/66/67 บริษัทรายงานรายได้รวมอยู่ที่ 6,052 ล้านบาท เติบโต 140 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 257 ล้านบาท ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจ MOVE เป็นธุรกิจหลัก มีสัดส่วนรายได้มากสุดถึง 67% รองลงมาคือธุรกิจ mix สัดส่วน 30% และธุรกิจ match สัดส่วน 3%
สำหรับธุรกิจ move มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,619 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถูกชดเชยบางส่วนด้วยรับรู้รายได้ค่าโดยสายสายสีเหลือง อยู่ที่ 120 ล้านบาท และรายได้เพิ่มขึ้น O&M อยู่ที่ 83 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวม BTSGIF จำนวน 182 ล้านบาท เติบโต 85% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดผู้โดยสารและค่าโดยสารเฉลี่ยเพิ่ม
ขณะที่ธุรกิจ MIX มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,176 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถูกชดเชยด้วยการเติบโตรายได้จากสื่อโฆษณาและบริการดิจิทัล โดยธุรกิจสื่อโฆษณาทำรายได้อยู่ที่ 459 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นสื่อโฆษณาขนส่งมวลชนและในอาคารสำนักงาน และอัตราการใช้สื่อ 44% และธุรกิจบริการดิจิทัลมีรายได้อยู่ที่ 478 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเติบโตจากการจัดการโครงการ และบริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนร่วมกับบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART อยู่ที่ 17 ล้านบาท จากผลการทำงานที่ฟื้นตัว
ส่วนธุรกิจ Match มีรายได้รวมอยู่ที่ 140 ล้านบาท ลดลง 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่จะถูกชดเชยได้จากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าของ Thana city golf and sport club และบริษัทยังได้ส่วนแบ่งกำไร บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNLจำนวน 115 ล้านบาท มาจากขยายธุรกิจ และบันทึกกำไรพิเศษจากขายหุ้นสามัญของสองกิจการร่วมค้าภายใต้ บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด ให้กับ บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)
นางสาวชวดี กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายทั้งปี 2566/67 คาดการณ์ว่าจะรับรู้รายได้จากค่าเดินรถที่เติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 6,900 ล้านบาท และงานก่อสร้างรถไฟฟ้าที่คาดการณ์ว่าจะมีการบันทึกรายได้รวมถึงเม็ดเงินลงทุนในการก่อสร้างรถฟ้าสีชมพู ในส่วนหลักเฟสที่เหลือและส่วนต่อขยาย อีกประมานราว 3,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับเกี่ยวกับรถไฟฟ้าต่างๆ อีกประมาน 2,500 ล้านบาทในปีนี้ รวมถึงประมาณการว่าการเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จะเป็นแรงสนับสนุนและทำรายได้จำนวนรายได้ 400-500 ล้านบาท สำหรับสิ้นปีนี้
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2567 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่เปิดให้ทดลองนั่งฟรี ได้รับกระแสตอบรับเกินเป้าหมาย โดยมีเที่ยวเฉลี่ย 8 หมื่น-1 แสนเที่ยวคนต่อวัน คาดการณ์ว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางในเดือนมกราคม 2567 อีกทั้ง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM มีสิทธิรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐรอบแรกจำนวน 2,200 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 จะช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ค่าโดยสารและธุรกิจสื่อโฆษณาภายใต้สัมปทาน 30 ปี
ส่วนสนามบินอู่ตะเภา บริษัทวางแผนการลงทุน รวมถึงเจรจาขอสิทธิพิเศษทางภาษี เพื่อเตรียมพร้อมให้เป็นเขตการค้าเสรีแห่งแรกในไทย และยกระดับสนามบินสู่ระดับสากลโดยในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 919 ล้านบาทของหุ้นเพิ่มทุนใน บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA และคาดการณ์ว่าจะได้รับหนังสือแจ้งเริ่มการก่อสร้างภายในกลางปี 2567
นางสาวชวดี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังคงดำเนินการขยายธุรกิจต่อเนื่องในปี 2568 โดยมีการลงทุนในทางหลวงพิเศษ มอเตอร์เวย์ M6 (เส้นทางบางปะอิ-โคราช) และมอเตอร์เวย์ M81 (เส้นทางบางใหญ่-กาจญณบุรี) ได้ดำเนินก่อสร้างเป็นไปตามแผน โดยเริ่มก่อสร้างด่านเก็บค่าผ่านทาง จนถึงระบบจราจรและควบคุม และคาดการณ์ว่าจะเปิดให้บริการได้ปี 2568
ด้านบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของ BTS ได้ส่งบริษัทย่อย บริษัท อาร์บีเอช เวนเจอร์ส จำกัด เข้าลงทุน 50% ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมธา จำกัด (Metha) มูลค่าลงทุนรวม 70 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตธุรกิจบริการทางการเงิน นอกจากนี้ยังได้จับมือกับบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดตัวโครงการ The residence 38 ที่อยู่อาศัยอัลตร้าลักชูวรี่ย่านทองหล่อใจกลางกรุงเทพฯ โดยคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568
นอกจากนี้ บริษัทยังจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท สมาร์ท อีวี ไบร์ท โดยเข้าถือหุ้น 67% ร่วมกับบริษัท วินโนหนี้ จำกัด (Winnonie) ถือหุ้น 33% เพื่อให้เช่าซื้อรถจักยานไฟฟ้าในระยะ 2.5 กิโลเมตรจากสถานี BTS ช่วยส่งเสริมการเดินทางอย่างยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 50% ต่อปี โดยตั้งเป้าหมายฐานลูกค้า 300 รายในช่วงปีแรก และเพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นราย ภายในปี 2571