TQR ส่งซิก Q4 สดใส รับดีมานด์ประกัน EV เพิ่ม ลุยจับมือ TQM ออกผลิตภัณฑ์ใหม่

นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Broker) แบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2566 คาดว่า จะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของธุรกิจประกันรถยนต์ EV ที่มีโอกาสเติบโตได้ตามความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของผู้บริโภคที่มีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงประกันภัยไซเบอร์ ที่ได้รับความสนใจจากหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ, เอกชนและทุกองค์กรที่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อช่วยป้องกันความเสียหายจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attacks) ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับทุกกลุ่มธุรกิจ

“เราประเมินว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังเติบโตได้จากประกันภัยรถยนต์ EV เนื่องจากตลาดรถยนต์ EV มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและประกันภัยไซเบอร์ ซึ่งมีความต้องการมากขึ้นจะทำให้บริษัทประกันภัยชั้นนำต่างๆ มีการกระจายความเสี่ยงทำประกันภัยต่อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ทันต่อเหตุการณ์ โดยนำเทคโนโลยี นวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ จึงมั่นใจว่า ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) ยังสามารถทำผลงานในปีนี้ให้สามารถเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้” นายชนะพันธุ์ กล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทยังพัฒนาในส่วนของการประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพ (Professional Indemnity) การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล รวมถึงธุรกิจประกันภัยการเดินทาง

ด้าน นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQR กล่าวว่า สำหรับการทำงานร่วมกับ บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM บริษัทร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่อยู่อาศัยและประกันสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีการศึกษาในหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ประกันภัยเสริมจากประกันคุ้มภัยที่นอกเหนือจากความคุ้มครองของประกันรถยนต์ทั่วไป (Motor Add On), ประกันอุบัติเหตุ (Personal Accident) และ Insurance Product for Gender Equality

สำหรับธุรกิจให้บริการ (Service) ของบริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้วจำนวน 3 ราย และขณะนี้ อยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญาเพื่อให้บริการกับลูกค้ารายใหม่เพิ่ม 1 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในธันวาคม 2566 พร้อมทั้ง อยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมอีก 2-3 ราย

อนึ่งภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566) มีกำไรสุทธิ 71.32 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70.73 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 185.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 174.94  ล้านบาท ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2566 มีรายได้รวม 55.44 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.41 ล้านบาท