I2 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% ตุนแบ็กล็อกแน่น 2 พันล้าน เดินหน้าประมูลงานรัฐ
I2 ส่งซิกผลงานปี 66 รายได้โต 30% ตุนแบ็กล็อกแน่น 2 พันล้านบาท รับรู้รายได้ยาว 3 ปี พ่วงปลายปีนี้เริ่มรับรายได้กิจการค้าร่วม ปักหมุดปี 67 เดินหน้าประมูลงานใหม่รัฐวิสาหกิจ
นายอธิพร ลิ่มเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ I2 เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ประมาณ 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากช่วงปลายปีเริ่มรับรู้รายได้จากกิจการค้าร่วมไอทูวาร์ ซึ่งเป็นกิจการค้าร่วมระหว่าง I2 และ บริษัท วี เอ อาร์ เอส จำกัด ซึ่งได้รับงานโครงการซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ บนพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มูลค่ารวม 1,541.28 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 2569 โดยส่วนใหญ่เป็นงานด้านธุรกิจโซลูชั่นด้านการจัดการพลังงาน (Energy) ประมาณ 1,000 ล้านบาท ด้านธุรกิจโซลูชั่นระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านงานเทคโนโลยี (IT Infrastructure) ประมาณ 600-700 ล้านบาท และงานด้านบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม (Satellite Service) ประมาณ 300 ล้านบาท
“ภาพรวมผลในปี 2566 น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดการณ์ว่ารายได้รวมมีโอกาสเติบโต 30% จากปีก่อน และมีแนวโน้มว่าผลการดำเนินงานจะโตต่อเนื่องไปถึงปี 2567 เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนจะเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติม ” นายอธิพร กล่าว
รวมถึงประเมินว่าผลการดำเนินงานของ I2 จะดีต่อเนื่องในปี 2567 จากแผนเข้าประมูลงานใหม่เพื่อเติมโดยจะเน้นในโครงการรัฐวิสาหกิจมากขึ้นในระหว่างที่รอการพิจารณางบประมาณการลงทุนของโครงการภาครัฐ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 สิ้นสุด 30 กันยายน 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 31.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 333.74% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.23 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 55.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306.94% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.71 ล้านบาท
โดยงวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 843.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 231.41 ล้านบาท หรือ 37.80% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งรายได้หลักจากการขายและการให้บริการมีจำนวน 837.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230.92 ล้านบาท หรือ 38.04% เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้หลัก 57.05% ของรายได้รวมมาจากธุรกิจโซลูชั่นระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Infrastructure) จำนวน 481.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.69% เนื่องจากการทยอยส่งมอบงานโครงการขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้น เช่น โครงการซื้อพร้อมติดตั้งระบบ IP Core ซึ่งเจ้าของโครงการคือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) โครงการระบบบริการสารสนเทศ ซึ่งเจ้าของโครงการคือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และงานโครงการอื่นๆ
ขณะที่รายได้จากธุรกิจโซลูชั่นด้านการจัดการพลังงาน (Energy) จำนวน 172.44 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ส่วนนี้ถึง 4,673% เนื่องจากการทยอยจัดซื้อและติดตั้งโครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) บนพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเจ้าของโครงการคือ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และงานดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 20.44% ของรายได้รวม รวมถึงธุรกิจโซลูชั่นการให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Services) มีรายได้จำนวน 179.51 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน