“JFIN” ดีดกลับ! “คริปโต” ขาขึ้นรอบใหม่ “J Ventures” ลุยสร้างนิเวศบล็อกเชน
J Ventures ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีบล็อกเชนในเครือเจมาร์ท เตรียมเดินหน้าต่อยอดสร้างระบบนิเวศบล็อกเชนในเครือเชื่อมกับโลกภายนอกด้วยระบบ JFIN Chain หลังราคาเหรียญคริปโตเป็นขาขึ้นรอบใหม่
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด (J Ventures) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีบล็อกเชนในเครือเจมาร์ท เปิดเผยว่า สำหรับธีมการลงทุนในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลมีแต่ฉายแววสดใสขานรับนโยบายภาครัฐ หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี 2567 – 2569 ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย และส่งเสริมตลาดทุนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยรัฐบาลได้เห็นชอบในหลักการที่ลดอุปสรรคของการส่งเสริมระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัล อีกทั้งเป็นการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมทุนผ่านโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ซึ่งส่งผลดีต่อ J Ventures ในฐานะผู้นำตลาด Blockchain ตามนโยบายของกลุ่มบริษัทเจมาร์ทที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี โดย เจ เวนเจอร์สได้รุกพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล สู่ผู้นำ DX-Digital Transformation และนำพา JFIN Chain ขยายการเติบโต และขยายระบบนิเวศ ให้กลุ่มบริษัทเจมาร์ท และขยายวงกว้างออกไปในอนาคต โดยระบบ JFIN Chain ถือเป็นระบบ Blockchain ที่ได้รับการยอมรับ และเชื่อมั่นมากว่า 5 ปีแล้ว
ทั้งนี้ แผนการเดินหน้าจับมือพันธมิตร BitmonsterNFT เกมส์ NFT เลี้ยงสัตว์วิเศษสัญชาติไทย พร้อมให้ผู้เล่นสามารถ สร้างดินแดนและเลี้ยงเหล่ามอนสเตอร์ได้แล้วบน JFIN Chain และเดินหน้าขับเคลื่อนให้บล็อกเชนและแอปพลิเคชันเติบโตสู่ Community เกมเมอร์
พร้อมกับการมุ่งสร้าง Ecosystem ให้แข็งแกร่ง และขยายการใช้งานให้กว้างขึ้น โดยขณะนี้ได้มี DApps ที่เข้ามาทำงานบนเชน กว่า 20 แอปพลิเคชัน นอกเหนือจากการเดินทางผลักดันให้เกิดการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อตอบสนองการทำงานของธุรกิจแล้ว เรายังต้องการที่จะตอบโจทย์การใช้งานของทุกไลฟ์สไตล์
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทันทีที่ ก.ล.ต. แถลงแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. และการสนับสนุนของภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องดังกล่าว สนับสนุนให้โทเคนดิจิทัล JFIN ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย Bitkub Exchange ราคา JFIN บนกระดานในช่วง 24 ชั่วโมง (ของวันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2566) ปริมาณซื้อขายหนาแน่นมากกว่า 11 ล้าน พุ่งไปมากกว่า 100% โดยมีราคาสูงสุดที่ 12.5 บาทต่อ JFIN มองว่าเป็นการสะท้อนการตอบรับของข่าวดีต่อผู้ลงทุน ที่ให้ความสนใจในประเด็นนี้ และจะยิ่งส่งผลดีต่อ Node Validator ซึ่งเป็นกลุ่ม หรือหน่วยงาน ที่นำ JFIN Token มา Stake ไว้กับระบบ JFIN Chain จะได้รับมูลค่าของการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็น Node Validator มากขึ้น
สำหรับเทรนด์ของ Bitcoin Halving 2024 ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า 2567 มองอาจเป็นโอกาส โดยตามสถิติย้อนหลังในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2012 แต่ละครั้งที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ราคาของ Bitcoin จะพีคขึ้นทำนิวไฮ ซึ่งอันนี้เป็นสถิติย้อนหลัง และแต่ละปีมีปัจจัยภายนอกไม่เหมือนกัน โดยคาดว่าในช่วงเมษายนจะเป็น Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ในปี 2024 นี้มองว่าจะนำไปสู่กระแสคริปโตเคอเรนซี่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้ลงทุนและสถาบัน สนับสนุนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจดิจิทัล “Tokenization” ที่จะเชื่อมโลกธุรกิจกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้