“โกลเบล็ก” จัดทัพ 24 หุ้นลงทุนส่งท้ายปี ชู GPSC-TU เด่น

บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยท้ายปีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นจากแรงหนุนเม็ดเงินกองทุน TESG และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาส 4/66 มีโอกาสชะลอตัว ส่งผลให้ FED เบรกขึ้นดอกเบี้ย มองกรอบดัชนี 1,360-1,430 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น 3 กลุ่มเด่น


นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของเดือนธันวาคมว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้น Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงินของกองทุน TESG และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4/2566  มีโอกาสชะลอตัวแรงจากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า FED จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทาง FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. 66 และให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. 2567

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงกว่า 10% จากสัปดาห์ก่อนหลุดระดับ 69 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลอุปสงค์ชะลอตัวจากเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวในภาวะอุปทานล้นตลาดจากการที่นักลงทุนไม่เชื่อมั่นว่ากลุ่มโอเปกพลัสว่าจะลดกำลังการผลิตตามที่ตกลงกันไว้ จึงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานในช่วงนี้

ส่วนทาง ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยถึงการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 103,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 128,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 106,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,360-1,430 จุด

นอกจากนี้ยังคงต้องที่ต้องจับตาปัจจัยที่ส่งผลกับตลาดหุ้นไทย อาทิ วันนี้ 13 ธ.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม วันที่ 12-13 ธ.ค. กำหนดการประชุม FED ซึ่งคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% 13 ธ.ค. สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. วันที่ 14 ธ.ค. กำหนดการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) (คาดคงอัตราดอกเบี้ย)

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่มี ESG สูงใน SET50 ได้แก่ ADVANC, CPALL, CPF, CRC, OR, PTTEP และ TOP พร้อมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย Easy E-Receipt ได้แก่ BJC, CPALL, CPAXT, CRC, CPN, COM7, SPVI, CPW, JMART, HMPRO, DOHOME, GLOBAL, ZEN, M, AU, TNP และ KK

ส่วนหุ้นเด่นประจำเดือนธันวาคม 2566 ได้แก่ GPSC (Bloomberg Consensus ที่ 59 บาท) โดยคาดผลประกอบการไตรมาส 4/66 ยังถูกกดดันจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่ลดลงจากผ่านช่วงไฮซีซั่น และไม่มีเงินปันผลจาก RPC อย่างไรก็ตามมี Upside จากราคาเหมาะสม 37% จึงแนะนำ “ซื้อ” และคาดว่าค่าไฟฟ้ามีโอกาสปรับขึ้นในไตรมาส 1/67 ตามราคาเชื้อเพลิง และ GPSC อยู่ใน SETESG และหุ้น TU (Bloomberg Consensus ที่ 17.30 บาท) เนื่องจากมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัท โดยคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/66 จะฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนถึงปี 67 ตามแนวโน้มวัตถุดิบทูน่าที่อ่อนตัวลง ประกอบกับธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น

Back to top button