“กรภัทร” แนะเก็งกำไรหุ้นไฟฟ้า BGRIM-GPSC รับราคาน้ำมันร่วง
“กรภัทร วรเชษฐ์” แนะเก็งกำไรหุ้นไฟฟ้า BGRIM-GPSC รับราคาน้ำมันร่วงหนัก พ่วงกลุ่มปิโตรเคมีเด่น PTTGC-PTT เข้าเกณฑ์กองทุน ThaiESG ขณะที่คาดดัชนียังแกว่งตัวผันผวน รอดูการประชุมเฟดคืนนี้
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (13 ธ.ค.66) ว่า ตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยลบอื่นนอกจากเรื่องน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ซึ่งหลุดฐานเดิม ส่งผลให้เกิดแรงถ่วงตลาดหุ้นฯ โดยต้องรอดูว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันที่ปรับลดลง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี ค้าปลีก และอื่นๆ จะมีแรงประคองมากพอหรือไม่ รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวอย่างธุรกิจการบิน โดยที่การท่องเที่ยว 9 วันแรกของเดือนธันวาคมเร่งตัวกว่าเดือนพฤศจิกายนถึง 85% ซึ่งมองว่ามีโอกาสสูงที่ตลอดทั้งปี 2566 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 28 ล้านคน ตามคาดการณ์
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังมีความผันผวน โดยมีแนวรับที่ระดับ 1,360 -1,366 จุด ส่วนแนวต้านที่ระดับ 1,389 จุด
สำหรับการลงทุนยังคงแนะนำกลุ่มโรงไฟฟ้า อาทิ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC น่าสนใจ รวมทั้งกลุ่มค้าปลีกอย่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่จะได้ประโยชน์เชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง โดยเก็งกำไรอยู่ที่แนวต้าน 54 บาท ส่วนแนวรับที่ 52 บาท และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ยังคงรับอานิสงส์ซึ่งเริ่มมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ในการซื้อสะสมมองว่ากลุ่มปิโตรเคมีเด่น เช่น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดยมองว่าน่าสนใจเนื่องจากเป็นหุ้นใหญ่ที่เข้าเกณฑ์กองทุน ThaiESG
โดยในส่วนของ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) นั้นสถาบันระดับประเทศเริ่มมีการซื้อต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าหลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปอาจจะมีแรงซื้อหนักขึ้น คาดว่าจะมีความชัดเจนสำหรับการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้
ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐเมื่อวานเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยมองว่าการประชุมเฟดคืนนี้อาจคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม ไม่ได้ขึ้นตามที่ส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้ที่ตั้งไว้ 5.75% โดยระดับ 5.50% ที่ขึ้นมาในเดือนกรกฎาคมนั้นเป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว ซึ่งหากเฟดมีการประเมินคาดการณ์เศรษฐกิจไม่ได้เป็นการหดตัว รวมถึงควบคุมเงินเฟ้อได้ก็จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น
ดังนั้นตลาดเชื่อว่าดอกเบี้ยขาขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ส่วนในปีหน้าจะเป็นดอกเบี้ยขาลง อย่างไรก็ตามยังคงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสำหรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน
ทั้งนี้ยังมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐนั้นเป็นซอฟต์แลนด์ดิ้ง เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันภาคบริการที่แผ่วไปก็เริ่มกลับมาดีขึ้น โดยมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐในอีก 1 เดือนข้างหน้าจะมีผลบวกต่อเนื่องสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของสหรัฐ
ขณะที่หุ้นเอเชียโดยรวมจะแกว่งรอการตัดสินใจของเฟด สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐว่าเฟดประเมินเป็นซอฟต์แลนด์ดิ้งอย่างที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ ซึ่งมองว่ามีโอกาสสูงเกิน 80% ที่จะเป็นไปตามคาดการณ์ โดยหากเป็นไปตามคาดตลาดหุ้นเอเชียจะเริ่มปรับตัวขึ้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป