ANI เทรดวันแรก ลุ้นวิ่งเป้า 9.41 บ. โบรกชี้กำไร 4 ปี โตเฉลี่ย 19%

ANI เทรดวันแรก ลุ้นวิ่งเป้า 9.41 บาท โบรกชี้กำไรปี 66-69 เติบโตเฉลี่ย 19% จากปัจจัยหนุนจากปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก Organic และ Inorganic growth โดยให้ราคาเป้าหมายปี 67 อยู่ที่ 7.14-9.41 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (13 ธ.ค.66) หลักทรัพย์ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์

สำหรับ ANI มีจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วหลัง IPO 1,848,000,000 หุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 1,293,261,100 หุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 554,738,900 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 924,000,000 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน ให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวนร้อยละ 82, และที่เหลือให้แก่ ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย และ กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือ พนักงาน ของกลุ่ม ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ในระหว่างวันที่ 4 และ 6-7 ธันวาคม 2566 ในราคาหุ้นละ 5.25 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 2,912,379,225 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,702,000,000 บาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย

โดยประกอบธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (Cargo General Sales Agent: Cargo GSA) (“GSA”)  ให้แก่สายการบินชั้นนำกว่า 20 สายการบินใน 8 ประเทศและเขตบริหารพิเศษในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ เวียดนาม สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเลเซีย กัมพูชา และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ครอบคลุมเส้นทางการบินซึ่งมีปลายทางกว่า 400 แห่งในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยบริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในรายใหญ่ของธุรกิจ GSA ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดกว่าร้อยละ 23  (อ้างอิงจากข้อมูล Frost & Sullivan : ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่าน GSA ในปี 2565 ในประเทศไทย เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และกัมพูชา) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประกอบธุรกิจให้บริการต่อเนื่อง โดยจัดหาทรัพยากรบุคลากร รวมทั้งยานพาหนะและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บริการแก่ผู้ให้บริการภาคพื้นท่าอากาศยาน (Ground Handler) ของท่าอากาศยานชางงี (Changi Airport) ประเทศสิงคโปร์

นางสาวบี เล็ง โก๊ะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ANI เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่หุ้น ANI จะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้นำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (GSA) ในภูมิภาค เราพร้อมจะยกระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายเครือข่ายการให้บริการธุรกิจ GSA ให้ครอบคลุมเขตเศรษฐกิจหลักของภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ผ่านการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้เล่นอื่นในอุตสาหกรรม สร้างการเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัททุกภาคส่วน โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ANI จะใช้ในการปรับโครงสร้างทางการเงินจากการเข้าซื้อธุรกิจ GSA ในสิงคโปร์และมาเลเซียที่ซื้อมาในช่วงปลายปี 2565 ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต

ทั้งนี้มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ร้อยละ 36.1 และ Mr. Thomas Tay Nguen Cheong ร้อยละ 33.2 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี แต่ต้องไม่เกินจำนวนกำไรสะสมจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลโดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ความจำเป็นในการดำเนินงานของบริษัท ตามที่คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นสมควรหรือเหมาะสม

บริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 9.41 บาท และประเมินมูลค่าบริษัทปี 2567 ที่ 17,398 ล้านบาท โดยอิงวิธี P/E ปี 2567 ที่ 16.7 เท่า ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ย (Simple Average) ของกลุ่มอุตสาหกรรมขนส่ง (III, WICE, SJWD)

โดยยังคาดการณ์ว่ากําไรของ ANI จะเติบโตเฉลี่ย 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในช่วง 2565-2568 จาก 798 ล้านบาทในปี 2565 (ข้อมูลทางการเงินรวมเสมือน) เป็น 1,156 ล้านบาทในปี 2568 จากการฟื้นตัวของปริมาณการค้าโลก การขยายเส้นทางการบินและการทำสัญญาเป็นตัวแทนสายการบินเพิ่มขึ้น และความสามารถในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งระดับ 28%

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 9.24 บาท และประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2567 ของ ANI อยู่ที่ 14,031-17,071 ล้านบาท โดยอิงวิธีการประเมินมูลค่ากิจการแบบเป้าหมาย PER เฉลี่ยปี 2567 สำหรับคู่เทียบผู้ให้บริการนายหน้าด้านการขนส่ง (Freight Forwarder) ในไทย และค่าเฉลี่ยที่รวมกับของบริษัทนานาชาติด้วยอยู่ที่ 12.0-14.6 เท่า ตามลำดับ

ทั้งนี้ยังคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานปกติ หรือ กำไรหลัก (ไม่รวมรายการพิเศษ) ปี 2566 ว่าจะอยู่ที่ 912 ล้านบาท และปี 2567 จะอยู่ที่ 1,169 ล้านบาท ถัดมาในปี 2568 อยู่ที่ 1,380 ล้านบาท และในปี 2569 อยู่ที่ 1,571 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสำหรับปี 2566-2569 อยู่ที่ 19.9% ต่อปี (CAGR) จากปัจจัยหนุนจากปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก Organic และ Inorganic growth

บริษัท หลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้า ส์ จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 9.16 บาท และประเมิน Fair Value ของส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 15,395-16,926 ล้านบาท ซึ่งคำนวณมาจากวิธี Discounted Cash Flow (Fig. 15-16) อิงประมาณการกำไรปี 2567-2569 คาดการณ์ว่าจะเติบโต 3% ในปี 2570-2572 และ Termina Growth 1% โดยมูลค่าดังกล่าวเทียบเท่าในปี 2567 และค่า PE อยู่ที่ 15.1 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย P/E ของหุ้น III และ WICE ซึ่งประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน

บริษัท หลักทรัพย์ กรุง ไทย เอ็กซ์ สปริง จำกัด ยังได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 7.14 บาท และได้ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ ANI ได้ 13,102 ล้านบาท ด้วยวิธี Earnings Yield อิงประมาณการกำไรต่อหุ้นสำหรับระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า คิดลดด้วยอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 7.8% ระดับราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับค่า PER อยู่ที่ 12.8 เท่า

Back to top button