OR จับมือ “กรมอุทยานแห่งชาติฯ” ยกระดับชีวิตเกษตรกรเขตป่าอนุรักษ์
OR ผนึก “กรมอุทยาแห่งชาติฯ” ลงนาม MOU “โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร มุ่งสู่การเสริมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) “โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความมั่นคงของราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างยั่งยืน” ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ณ ห้องประชุม Multiverse ชั้น 10 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคารซี
นายดิษทัต เปิดเผยว่า ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายที่จะส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่อนุรักษ์ สร้างให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่อนุรักษ์ ตลอดจนสนับสนุนการปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรในรูปแบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยวสู่การสร้างป่าเชิงนิเวศในพื้นที่ปลูกกาแฟดั้งเดิมและพื้นที่ที่ส่งเสริมการปลูกใหม่ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถือเป็นการแลกเปลี่ยนและสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างสองฝ่ายที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้ในด้านที่แตกต่างกันในการทำงานเพื่อการเกษตรและชุมชน
โดยบริษัทจะนำความเชี่ยวชาญในการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนการนำประโยชน์จากของเหลือไปใช้ในกระบวนการการแปรรูปกาแฟ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ให้สามารถปลูกกาแฟและผลิตกาแฟให้มีคุณภาพและยั่งยืน รวมทั้งยังเป็นตลาดรับซื้อผลผลิตการเกษตรด้วยราคาที่เป็นธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้บริษัทได้รับผลผลิตที่มีมาตรฐาน แต่ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตามแนวทาง SDG ในแบบของ OR ในด้าน “S” หรือ “Small” ที่มุ่งเน้นการให้โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ด้วยการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน อย่างแท้จริง
ด้าน นายอรรถพล กล่าวว่า การส่งเสริมและสนับสนุนในครั้งนี้มีเป้าหมายให้ประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่อนุรักษ์ ตามมาตรา 64 แห่ง พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และมาตรา 121 แห่ง พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4.27 ล้านไร่ ได้มีส่วนร่วมในการปลูกป่า ดูแลป่า และอยู่ร่วมกับป่าแบบพึ่งพากัน เพิ่มความสมบูรณ์ เพิ่มพูนความหลากหลายทางชีวภาพ
อีกทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรจากปัจจุบันในการปลูกพืชเชิงเดี่ยว สู่การสร้างป่าเชิงนิเวศ การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และระบบวนเกษตรอย่างยั่งยืน และเสริมด้วยต้นกาแฟใต้ร่มไม้ป่า สร้างป่า สร้างพื้นที่สีเขียว ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบนิเวศ ลดการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ลดมลพิษทางอากาศ อีกทั้งลดการพึ่งพาสารเคมี ซึ่งความร่วมมือกับ OR ในครั้งนี้จะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ให้ประชาชนอยู่ได้ด้วยความมั่นคงสู่การเสริมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำผ่านการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน