ต่างชาติโอน “คอนโดไทย” พุ่งทะลุ 5.2 หมื่นล้าน “จีน” ครองแชมป์ซื้อมากสุด

ต่างชาติแห่ซื้อ “คอนโดไทย” พุ่ง 37.6% ทะลุ 52,259 ล้านบาท ชาวจีน-พม่า ครองแชมป์เยอะสุด ระบุชลบุรียอดโอนพุ่งแซงหน้ากรุงเทพฯ ขานรับอานิสงส์นโยบายฟรีวีซ่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (14 ธันวาคม 2566) นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของต่างชาติในไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่ามีจำนวน 3,365 หน่วย มูลค่า 17,048 ล้านบาท ทั้งนี้จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 0.4% แต่มูลค่าลดลง 2% มียอดสะสมของหน่วยและมูลค่าการโอนในช่วง 9 เดือนแรก เป็นจำนวน 10,703 หน่วย เพิ่มขึ้น 37.6% มูลค่า 52,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยในจังหวัดชลบุรี มีการโอนสูงสุด 41.7%, อันดับ 2 กรุงเทพฯ 37.5%, ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยและมูลค่ารวมกันสูงถึง 79.2% อันดับ 3 ภูเก็ต 6.4%, อันดับ 4 เชียงใหม่ 6.3% และอันดับ 5 สมุทรปราการ 2.7% ขณะที่แสดงให้เห็นว่าจังหวัดชลบุรีเพิ่งมีการขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในปี 2566 จากเมื่อ 5 ปีก่อนเป็นกรุงเทพฯที่มียอดโอนสูงสุด ขณะที่ภูเก็ตแซงสมุทรปราการเป็นอันดับ3

ทั้งนี้ ผู้ซื้อสัญชาติจีนมีการโอนมากที่สุดในช่วง 9 เดือนแรก จำนวน 4,991 หน่วย หรือ 46.6%, รองลงมารัสเซีย จำนวน 962 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 9%, สหรัฐอเมริกา จำนวน 422 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.9%, ไต้หวัน จำนวน 378 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.5 % และฝรั่งเศส จำนวน 372 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.5% ซึ่งสัญชาติอันดับ 1 และ 2 สอดคล้องกันระหว่างหน่วยและมูลค่าการโอนห้องชุด

ขณะที่มูลค่าโอนการซื้อขายของชาวจีน สูงสุดถึง 24,740 ล้านบาท คิดเป็น 47.3 %, อันดับ 2 รัสเซีย มีมูลค่า 3,436 ล้านบาท คิดเป็น 6.6%, แต่อันดับ 3 กลับเป็นเมียนมา มีมูลค่า 2,250 ล้านบาท คิดเป็น 4.3 %, อันดับ 4 สหรัฐอเมริกา มูลค่า 2,102 ล้านบาท คิดเป็น 4% และอันดับ 5 ไต้หวัน มูลค่า 1,841 ล้านบาท คิดเป็น 3.5%

โดยราคาห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ อยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีการโอน 1,490 หน่วย คิดเป็น 44.3 % ซึ่งเป็นระดับราคาที่ชาวต่างชาติซื้อมากที่สุดตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน รองลงมาราคา 3.01-5 ล้านบาท ราคา 5.01-7.5 ล้านบาท มากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป และราคา 7.51-10 ล้านบาท อีกทั้ง ผู้ซื้อสัญชาติพม่ายังคงมีการโอนห้องชุดที่มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงสุดที่ 6.5 ล้านบาท

ส่วนขนาดพื้นที่ห้องชุดเป็นที่นิยม คือ ขนาด 31-60 ตารางเมตร (ตร.ม.) ประเภท 1-2 ห้องนอน มีจำนวนหน่วยที่โอน 1,814 หน่วย คิดเป็น 53.9% รองลงมาไม่เกิน 30 ตร.ม. ขนาด 61-100 ตร.ม. และมากกว่า 100 ตร.ม. 3 ห้องนอนขึ้นไป มีจำนวนน้อยที่สุด ซึ่งผู้ซื้อสัญชาติสหราชอาณาจักรมีการโอนห้องชุดขนาดเฉลี่ยใหญ่สุดอยู่ที่ 56.7 ตร.ม.

“นอกจากนี้ข้อมูลในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ซื้อขายที่นิยมของชาวต่างชาติต้องการซื้อห้องชุดยังคงเป็นจังหวัดหลักและจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อีกทั้งกลุ่มผู้ซื้อจีน และรัสเซียถือเป็นกลุ่มผู้ซื้อสำคัญในประเทศ รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา, ประเทศแถบยุโรป และเพื่อนบ้าน ถือเป็นอีกกลุ่มที่นิยมซื้อห้องชุดในไทย สอดคล้องกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยว ซึ่งการที่รัฐบาลออกมาตรการวีซ่าฟรีชั่วคราวให้กับนักท่องเที่ยว อาทิ จีน,คาซัคสถาน, อินเดีย และไต้หวัน นับเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจช่วยสร้างโอกาสในการซื้อห้องชุดของคนต่างชาติทุกกลุ่มเพิ่มมากขึ้นได้” นายวิชัยกล่าว

นายวิชัย ยังระบุว่า หากปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าปี 2566 เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการขยายตัวการซื้อขายที่อยู่อาศัยต่างชาติให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งอาจสามารถเป็นส่วนช่วยชดเชยกำลังซื้อคนไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

โดยถือเป็นส่วนสำคัญช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ให้มีการขยายตัว อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุดในไทยยังเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อจากต่างชาติไม่ว่าจะเพื่อซื้อลงทุนหรือเป็นบ้านหลังที่สอง ขณะที่ตลาดห้องชุดของไทยยังเปิดกว้างให้แก่ผู้ซื้อต่างชาติ อันเนื่องมาจากภาพรวมการถือครองที่มีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนตามกฎหมายกำหนดไว้ที่ 49% ของพื้นที่ทั้งหมด

Back to top button